ป๊อก-มาร์กี้ทำงานไกล ลั่นคิดถึงลูกมาก ไม่เอาอีกแล้ว
ป๊อก-มาร์กี้ทำงานไกล ลั่นคิดถึงลูกมาก ไม่เอาอีกแล้ว : ข่าวบันเทิง
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ สำหรับมาร์กี้ ราศรี และ ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ กับน้องมีก้า–น้องมีญ่า ลูกฝาแฝด ที่เจ้าตัวก็ได้พามาออกงานเป็นครั้งแรก ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ มาร์กี้กับป๊อกก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ พร้อมเล่าเรื่องที่คิดถึงลูกมาก ตอนไปทำงานนานถึง 9 วัน และบอกว่าคราวหน้าไม่เอาอีกแล้ว
น้องโกยทรัพย์ตั้งแต่เด็กเลย
เป็นของเขานี่แหละ เป็นเงินเก็บของเขา เก็บไว้เป็นอนาคตของลูกทั้งหมดเลย
แสดงว่างานนี้เราให้ลูกหมดเลย
ก็แบ่งสรรปันส่วนกัน คุณพ่อคุณแม่ทำงาน ก็ต้องมีอะไรที่ทำให้แฮปปี้บ้าง ส่วนของลูกเราก็เก็บให้ลูก
เปิดบัญชีให้เขาแล้ว?
ยังเปิดบัญชีไม่ได้ เพราะว่าเขายังเด็ก แต่จะใช้วิธีจดเอาไว้แทนในส่วนของเขา อย่างวันนี้ลูกทำได้ประมาณนี้ วันนั้นทำได้ประมาณนั้น
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องจดหรอก พอถึงวันที่เขาโต และเขาเปิดยูทูบ เขาก็สามารถทวงตังค์เราได้แล้ว เด็กสมัยนี้เขารู้ เขาเก่ง
มีงานติดต่อครอบครัวเยอะขนาดไหน
มีเรื่อยๆ ก็เลือกรับ ส่วนมากถ้าผลิตภัณฑ์ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเด็ก ก็จะไม่รับ เพราะเรารู้สึกว่า การทำงานมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ยิ่งเขาเป็นเด็ก แถมมีสองคนอีก แค่เลี้ยงอยู่บ้านปกติ ก็ยากแล้ว ที่จะทำให้เขาแฮปปี้ หรือยิ้มไปพร้อมๆ กัน
บรรยากาศการถ่ายโฆษณาตัวนี้เป็นยังไง
เราใช้เวลาในการถ่ายทำสองวัน เราค่อนข้างโชคดี ที่ทีมงานเขาทำงานกับเด็กบ่อย เขาค่อนข้างเข้าใจเด็ก เข้าใจว่าแสงแบบไหนเหมาะสมกับเด็กอ่อน หรือเด็กอ่อนสามารถทำงานได้ช่วงเวลากี่โมง
เราต้องขอบคุณทีมงานจริงๆ ที่เข้าใจธรรมชาติของเด็กมาก เราสองคนก็แฮปปี้มาก
เป็นพ่อแม่มือใหม่ เกรงใจทีมงานไหม
เกรงใจนะ เราอยากให้มันเป็นงานที่ไม่เหมือนงาน เหมือนเขาได้ไปเที่ยวข้างนอก ไปบ้านเพื่อน ถ้าสมมุติว่าเป็นงานที่น้องต้องอย่างนี้ อย่างนั้น เราบังคับเขาไม่ได้ ก็ไม่เอา
งานชิ้นแรกเห็นแววเขาไหม
ได้ตามเด็กปกติ เด็กก็มีทั้งยิ้ม ทั้งร้อง เขาก็เหมือนเด็กธรรมดา
งานแรกประสบความสำเร็จ เพราะว่าเขาไม่ร้องเลย
ด้วยความที่เราเตรียมตัวมาค่อนข้างดี แต่ลูกสาวเพิ่งหลับก่อนขึ้นเวที แค่ 5 นาที ก็กลัวว่าพอออกมาแล้วเขาจะตื่นคน แต่ก็โอเค
เขาเจอคนเยอะตั้งแต่เด็ก อย่างเพื่อนเรามาบ้านที มาเป็น 10 คน เขาเลยชินกับคนเยอะ แต่ถ้าแสงมากๆ เหมือนจ้อง เขาอยู่ในช่วงพิจารณา วันนี้เป็นงานอีเวนต์ที่เงียบมาก ตกใจมากไม่มีเสียงกรี๊ด มีการปรบมือเบาๆ จริงๆ เสียงดังได้ แต่ทุกคนให้ความร่วมมือมาก ขอบคุณมาก
เป็นอย่างไรบ้างกับการเลี้ยงลูก
มีความสุขมาก น้องมาเติมเต็มชีวิตเรา เราเป็นพ่อแม่ไปแล้ว ชีวิตเราก็เหมือนเดิม ไปไหนเราก็ไปด้วยกัน แค่เพิ่มจาก 2 คน เป็น 4 คน
ไปถ่ายรายการมา แล้วต้องห่างกันหลายวัน
9 วัน น่าจะเป็นทริปสุดท้ายที่เราห่างกันขนาดนั้น คุณพ่อบอกว่าไม่เอาอีกแล้ว ถ้าเกินสามวันจะเอาลูกไปด้วย ก็บอกเขาว่าเอาไปนะ ช่วยเลี้ยงนะ เขาบอกโอเค เราต้องวีดีโอคอลทุกวันเช้าเย็น เวลามันไม่เหมือนกันด้วย ก็เอาตอนที่เขาเพิ่งตื่นนอน
ตอนที่คิดถึงลูกมากๆ เป็นยังไง
จะพยายามหาอะไรทำให้ได้มากที่สุด ให้จดจ่อกับอย่างอื่น จะได้ไม่คิดเยอะ แต่ทั้งเช้าทั้งเย็นก็วีดีโอคอล ได้เจอได้เห็น แต่ก็ไม่ห่วงเพราะอย่างน้อยมีทั้งบ้านมาร์กี้ และบ้านเราช่วยดูแลอยู่แล้ว ที่เรารู้สึกคือ เราคิดถึงของเราเอง และกลัวว่ากลับมาเขาจะไม่เหมือนเดิม เหมือนว่าเราอยู่กันมา สนิทกันมาขนาดนี้แล้ว แต่กลับมาเขาจำได้ ก็โอเคหายห่วง อย่างที่บอก เราก็คุยกับมาร์กี้ว่าขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่ห่างกันนานๆ
คุณปู่เป็นยังไงบ้าง
คุณปู่มีความสุขมาก อยากให้ไปนานๆ บอกว่าไม่ต้องรีบกลับ คุณปู่จะได้นอนด้วยกันที่บ้าน พอกลับมาก็ถามว่าทริปหน้าจะไปเมื่อไหร่
กลับมาเห็นลูกน้ำตาซึมไหม
ไม่ได้น้ำตาไหล แต่เราก็มีเวลาของเรา เราชอบฟัดลูก ผิวเด็กนิ่มหอม เราติดกันและกัน
แม่คิดถึงไหม เพราะลูกกินนมแม่ตลอด
แม่ไม่อยู่เราก็ปั๊มเอา ปั๊มแล้วแช่ฟรีซ แล้วหิ้วกลับมา เรื่องความคิดถึงมันก็คิดถึง แต่มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่ง เราก็ต้องแข็งใจ เพราะเราต้องไปทำงาน พอกลับมาต้องไปทำงาน ตอนกลับจากอเมริกา วันรุ่งขึ้นก็ต้องไปโปรโมตเพลง ต้องเอาลูกไปด้วย หิ้วลูกไปตึกช่องสาม ไปแกรมมี่
ไม่อย่างนั้นอีกวันนึง เราจะไม่ได้เจอกันเลย ตอนกลับมาเขาก็หลับแล้ว อย่างวันเข้าออฟฟิศก็เอาลูกไปด้วย ที่ออฟฟิศเราก็มีมุมนอน เปลี่ยนผ้าอ้อม เป็นบ้านหลังที่สอง
เอาอีกสักคนไหม
สองคนกำลังดี เราตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ เพราะว่าคุณแม่เขาเป็นคนที่เหนื่อยกว่า อยู่กันมา 8-9 เดือนในท้อง เป็นอะไรที่ไม่สามารถแบกรับตรงนั้นแทนเขาได้ ก็ต้องให้เขาตัดสินใจ ว่าอยากหรือไม่อยากมี
อยากแต่งตัวลูกสาวไหม
ตอนนี้เรามีลูกสาวคน มีลูกชายคน รู้สึกว่าโอเคแล้ว มันก็มีฟีลนะ แต่เราก็ต้องใช้สติและคิดนิดนึง ว่าไลฟ์สไตล์เราเป็นคนแบบไหน เราไม่ชอบอยู่บ้าน เราชอบพบปะเพื่อนฝูง ชอบเที่ยวเมืองนอก เรารู้ว่าเราเป็นลุยๆ คนแบบนี้ แล้วมือสองมือจะอุ้มลูกยังไง ไม่ไหวหรอก
ปิดอู่ถาวรไหม
เราก็ดูไปก่อน อนาคตค่อยว่ากัน เราต้องเลี้ยงเขาให้ดีเท่าๆ กัน เป็นเด็กดีของสังคม ถ้าเกิดว่ามีเยอะ แล้วเลี้ยงเขาไม่ดี ใส่ใจไม่เท่ากัน เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ต้องดูที่กำลังตัวเอง และดูเขาสองคนก่อนว่าเป็นยังไง
ป๊อกบอกว่าอยากมีแน่นอนอยู่แล้ว เพราะชอบเด็ก แต่ก็เกรงใจมาร์กี้ที่ต้องแบกตรงนี้ ถ้าเราเป็นคนแบกก็เอามาเลย แต่ถ้าให้พูดตรงๆ มาร์กี้บอกว่าถ้าเรามีลูก ต้องเลี้ยงให้ได้คุณภาพที่ดี ให้เขาเป็นคนดีกับสังคม เราเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ เลยรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เมคเซนส์มาก ทั้งนี้ก็แล้วแต่อนาคต
ปู่ย่าตายายอยากให้มีเพิ่มไหม
เขากำลังสนุกกับสองคนนี้อยู่ และช่วยเลี้ยง เขาก็เหนื่อยนะ พาลูกไปหาทีนึง แม่เราบอกไม่ต้องไปออกกำลังกายเลย แค่อุ้มหลานสองคนก็เหนื่อยแล้ว เขาชอบพาหลานไปสอน คุณปู่ก็แข็งแรงขึ้น ปกติถ้าอุ้มเด็กต้องนั่ง เพราะมีปัญหาเรื่องเข่า แต่ตอนนี้อุ้มได้เหมือนมีกำลังใจด้วย