ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ติดตามปัญหาพิพาทหาดนุ้ย สั่งจนท.ป่าไม้ฯ สปก.เร่งรัดดำเนินการ
ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ติดตามปัญหาพิพาทหาดนุ้ย สั่งจนท.ป่าไม้ฯ สปก.เร่งรัดดำเนินการทางปกครอง และห้ามไม่ให้มีการปิดกั้นทางเข้า-ออก ทางลงหาดนุ้ย และเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางโดยเด็ดขาด
วันนี้(28 พ.ค.2562) ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลกะรน อ.เมืองภูเก็ต นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุม ติดตามกรณีการดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขข้อพิพาทพื้นที่หาดนุ้ย ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต โดยมี ร.ต.ต. พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโสระดับสูง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นาวาเอกภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการ กองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ ผกก.สภ.กะรน นายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ทหารชุดชป.รส.ร25 ร่วมประชุม
สำหรับการประชุมหารือดังกล่าวสืบเนื่องจากที่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รับเรื่องร้องเรียน จากนายชโลธร โชติพนัง บุตรชายนายธนา โชติพนัง บิดา ผู้รับต่อสิทธิ์ ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน(ส.ป.ก.4-01) สารบัญทะเบียนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เลขที่ 80 เล่ม 1 หน้า 80 เนื้อที่ประมาณ 68 ไร่ ซึ่งอยู่ใกล้ชายหาดนุ้ย ว่าขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.กะรน ที่ไม่รับแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินการคดีกับพันจ่าเอกสิงหา เพ็งแก้ว ในความผิดฐานบุกรุกและใช้กำลังข่มขู่บังคับให้ตนออกจากที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน(ส.ป.ก.4-01) เนื้อที่ประมาณ 68 ไร่ และระบุว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ร.ต.ต. พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโสระดับสูง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใน 3 ประเด็นดังนี้ สรุปได้ดังนี้ ประเด็นแรก กรณีที่ นายชโลธร โชติพนัง ยื่นเรื่องร้องเรียนว่าพนักงานสอบสวน ไม่รับแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินการคดีกับพันจ่าเอกสิงหา เพ็งแก้ว ที่บุกรุกและใช้กำลังข่มขู่บังคับให้ผู้ร้องเรียนออกจากที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน(ส.ป.ก.4-01) ซึ่ง ร.ต.อ.สุริยง บัวเกิดเพชร รอง สว.(สอบสวน) สภ.กะรน ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า ได้มีการรับแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐาน แต่ยังติดขัดในเรื่องอำนาจการร้องทุกข์ ซึ่งในประชุมมีเจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต ยืนยันว่าผู้ร้องเรียนมีอำนาจ จึงได้แจ้งให้ผู้ร้องเรียนมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้ง
ประเด็นที่ 2 กรณี การดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินเขต สปก.จำนวน 68 ไร่เศษ ของนายธนา โชติพนัง บิดา ของนายชโลธร ผู้ร้องเรียน ซึ่งเสียชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ตรายงานว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาการเข้าใช้ประโยชน์ของผู้ร้องเรียนในฐานะทายาท
และประเด็น 3 กรณีที่ดิน สค.1 เลขที่ 239 ที่ศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอน นส.3 เลขที่ 239 (หน้าชายหาด) เนื้อที่ประมาณ 18 ไร่เศษ ตกเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งปัจจุบันยึดเป็นของกรมป่าไม้ แต่มีพันจ่าเอกสิงหา เพ็งแก้ว เข้าครอบครองและใช้ประโยชน์ โดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้แจ้งว่าได้มีการดำเนินคดีกับพันจ่าเอกสิงหา เพ็งแก้ว แล้ว ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นพิจารณาของพนักงานอัยการ ส่วนการดำเนินการทางปกครอง เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และเจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดิน จะร่วมกันเร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 25 ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ฯ
จากนั้นหลังเสร็จสิ้นการประชุม ในเวลาประมาณ 13.30 น.คณะผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมจนท.หลายหน่วยงาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่บริเวณหาดนุ้ย จุดพิพาท ตามร้องเรียน โดยได้พบกับ พันจ่าเอกสิงหา เพ็งแก้ว คู่กรณีของนายชโลธร จากการซักถามเรื่องที่ดิน สค.1 เลขที่ 239 พันจ่าเอกสิงหาฯ แจ้งว่า ได้ซื้อที่ดินมาจากนายชโลธร ตั้งแต่ประมาณปี 2557 พร้อมนำหลักฐานต่างๆมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อโต้แย้งว่ายังมีสิทธิในการครองครองที่ดิน สค.1 เลขที่ 239 แม้ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ร.ต.ต. พงศกร มีพันธุ์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโสระดับสูง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และเจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดิน เร่งรัดดำเนินการทางปกครอง ตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าไม้ฯในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งหากพันจ่าเอกสิงหา ไม่เห็นด้วยก็สามารถใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านหรือโต้แย้งสิทธิได้ในชั้นศาลอีกครั้งตามกฏหมาย แต่ระหว่างนี้จะต้องห้ามไม่ให้มีการปิดกั้นทางเข้า-ออก ทางลงหาดนุ้ย และเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางโดยเด็ดขาด