วันนี้ ( 27 พ.ค.) เพจ ชื่อ Baywatch team patong & patong development foundation.ได้โพสต์ข้อความ พร้อมภาพ ระบุ ว่า “ภารกิจค่ำวันที่26-05-62 – 27-05-62 ร่วม ตร.ทลายแก๊งวัยรุ่นเกือบ 100 คน.เมื่อเวลา 00:05น.พบกลุ่มวัยรุ่นบริเวณสวนสาธารณะโลมา รวมตัวกันและมีอาวุธครบทั้งมีดสั้นและมีดยาว.จึงได้ทำการเข้าทลายแก๊งดังกล่าวร่วมกับ.จนท ตร
พร้อมระบุต่อไปว่า ทราบภายหลังว่า..วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว.#เป็นพม่าครับ ที่มากันแบบไม่ธรรมดาขับรถจักยานยนต์บิ๊กไบท์มาพบกัน โอ้โหครับนี่ประเทศไทยรึปล่าว!? เรียนผู้นำประเทศ ผู้นำท้องถิ่นแก้ปัญหาด่วนเถอะครับ..ไม่นานได้เป็นเชลยกันแน่แท้..ขี่รถหรูพม่า..ยกแก๊งตีกัน พม่า ไม่นานก็ได้รับใช้พม่าละครับ”. โดยภาพประกอบเป็นภาพตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจและ ทีม Baywatch รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังนำกำลังเข้าไปสลายและจับกุมกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ซึ่งต่างก็วิ่งหนีกระจัดกระจาย
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามไปยังทีมงาน Baywatch team patong & patong development foundation.ทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเวลา 00.05 น.วันนี้ ( 27 พ.ค.) ขณะที่เจ้าหน้าที่ในทีมกำลังปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดก็พบเห็นมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากขับรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่เป็นบิ๊กไบค์ มาจอดกระจัดกระจายตั้งแต่สวนสาธารณะโลลมา หาดป่าตอง ไปจนถึงหน้าสนามฟุตบอล
บางคนถืออาวุธมีดสั้น มีดยาว กันมาครบมือโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งลักษณะคล้ายนัดมาเจอกัน 2 ฝ่าย หลังพบเห็นได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง ซึ่งในส่วนของตำรวจป่าตองก็ได้รับทราบจากการข่าวมาแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางมายังจุดที่มีการนัดรวมตัวกัน
หลังจากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ทีม Baywatch team patong & patong development foundation ก็ได้ช่วยกันบุกสลายและจับกุมกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ซึ่งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ต่างก็วิ่งหนีกันกระจัดกระจายโดยในเบื้องต้นพบว่าสามารถจับกุมได้จำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือหลบหนีไปได้ จากการสอบถามพบว่าวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวเป็นชาวเมียนมาที่เดินทางมากจากหลายที่ และนัดมาพบกันที่สวนสาธารณะโลมา หาดป่าตอง
โดยทีมงาน Baywatch team patong & patong development foundation.กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว กรณีกลุ่มวัยรุ่นชาวพม่ารวมตัวกันที่บริเวณชายหาดซึ่งเป็นการนัดกันมา 2 ฝ่าย แต่ก่อนหน้านี้มากันแค่ 10 -20 คน ไม่เหมือนครั้งนี้ที่มากันเกือบ 100 คน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าห่วง ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะต้องเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน
หนึ่งในทีมงานยังได้กล่าวต่อไปว่า ตนเองในฐานะเป็นคนในพื้นที่ เป็นคนไทย มองว่าต่อไปคนไทยจะอยู่กันอย่างไร เพราะเดี๋ยวนี้มีต่างด้าวเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก แต่มาตรการการดูแลของหน่วยงานรัฐไม่สามารถควบคุมให้ต่างด้าวเหล่านี้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ สามารถที่จะออกไปไหนมาไหนก็ได้โดยขาดการควบคุม จึงมองว่าคนไทยและนักท่องเที่ยวไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยถ้าปล่อยไว้แบบนี้จึงอยากให้ทุกหน่วยงานออกมาแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุดก่อนที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
