วิกฤต ‘โรคไตเรื้อรัง’ พุ่ง 788 ล้านคน 7 สัญญาณ ‘ฆาตกรเงียบ’ คนไทยเป็นเยอะมาก

วิกฤต โรคไตเรื้อรัง พุ่ง 2 เท่า แตะ 788 ล้านคนทั่วโลก เผย ‘ฆาตกรเงียบ’ เชื่อมโยงกับการตายด้วยโรคหัวใจถึง 12% รู้ทันสาเหตุหลักจากเบาหวาน-ความดัน ความสำคัญของการตรวจคัดกรอง
วารสารการแพทย์ชื่อดังระดับโลก The Lancet เผยแพร่งานวิจัยชิ้นใหม่ พบวิกฤตสุขภาพจำนวนผู้ป่วย โรคไตเรื้อรัง ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นถึง 788 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 1990
โรคไตเรื้อรังมักถูกขนานนามว่า ฆาตกรเงียบ เนื่องจากโรคมีการดำเนินไปอย่างช้าๆ แทบไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ ผู้ป่วยจำนวนมากจึงไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังป่วย จนกระทั่งการทำงานของไตเสื่อมลงถึงขั้นวิกฤต
เมื่อไตสูญเสียการทำงานจนถึงระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการ ฟอกไต หรือการ ปลูกถ่ายไต เพื่อยื้อชีวิต ทว่าการรักษาเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ป่วยหลายล้านคน โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้
งานวิจัยฉบับนี้ หรือ Global Burden of Disease Study 2023 ค้นพบข้อมูลที่น่ากังวลว่าประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกถึง 14% กำลังใช้ชีวิตอยู่กับโรคไตเรื้อรังในระยะใดระยะหนึ่ง ในปี 2023 โรคไตเรื้อรังมีความเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตจาก โรคหัวใจและหลอดเลือด สูงถึง 12%
สาเหตุหลักที่ขับเคลื่อนให้ตัวเลขผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้น มาจากปัญหาสุขภาพระดับโลก ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน ซึ่งเป็นภาวะที่ขยายตัวควบคู่ไปกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
แม้ในปัจจุบันจะมียาชนิดใหม่ที่ช่วยชะลอความเสียหายของไต ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ แต่ปัญหาใหญ่คือการตรวจพบโรคช้าเกินไป
ในหลายพื้นที่ทั่วโลก การตรวจปัสสาวะเพื่อคัดกรองโรคไตยังไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นมาตรฐานการปฏิบัติทั่วไป ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญจึงเรียกร้องให้มีระบบการคัดกรองที่ดีขึ้น ขยายโอกาสในการเข้าถึงการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อหยุดยั้งวิกฤตฆาตกรเงียบนี้
7 สัญญาณเตือน ไตเริ่มมีปัญหา
ลองสำรวจร่างกายตัวเองว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ หากมีมากกว่า 1 ข้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดและปัสสาวะทันที
1. ปัสสาวะผิดปกติ สัญญาณชัดที่สุด เช่น ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน มากกว่า 2 ครั้ง ปัสสาวะมีฟองมากผิดปกติ บ่งบอกว่ามีโปรตีนรั่ว หรือปัสสาวะมีสีน้ำล้างเนื้อ/สีเลือด
2. เมื่อไตขับน้ำและเกลือแร่ส่วนเกินออกไม่ได้ จะเกิดอาการบวมตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะ หนังตาบวมตอนตื่นนอน หรือ เท้าและขาบวม หากใช้นิ้วกดลงไปแล้วบุ๋ม ไม่คืนตัวทันที
3. เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไตมีหน้าที่สร้างฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง เมื่อไตเสื่อม ร่างกายจะผลิตเม็ดเลือดแดงน้อยลง ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง (ซีด) ส่งผลให้เหนื่อยง่าย หน้ามืด วิงเวียน
4. หากปวดร้าวบริเวณบั้นเอวข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง อาจเป็นสัญญาณของนิ่วในไต หรือไตอักเสบ แต่ต้องแยกให้ออกจากการปวดกล้ามเนื้อ
l5. ผิวหนังแห้งและคัน เมื่อไตขับของเสียในเลือดออกไม่หมด ของเสียเหล่านั้นจะสะสมและตกค้างในร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการคันตามผิวหนังอย่างรุนแรง
6. ผู้ป่วยโรคไตมักมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน และรู้สึกว่าในปากมีรสขม หรือมีกลิ่นปากคล้ายแอมโมเนีย กลิ่นปัสสาวะ
7. ไตทำหน้าที่ควบคุมความดันโลหิต หากความดันสูงผิดปกติและคุมไม่ได้ด้วยยา อาจเป็นสัญญาณว่าไตกำลังเสียหาย

5 วิธีดูแลไตให้แข็งแรง ทำได้ทันที
การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อย ช่วยยืดอายุไตได้มหาศาล:
1. ลดเค็ม = ลดภาระไต ศัตรูตัวฉกาจของไตคือโซเดียม คนไทยติดรสจัด ควรลดการปรุงเพิ่ม เลี่ยงน้ำปลา ซีอิ๊ว ผงชูรส และอาหารแปรรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ไส้กรอก พยายามคุมโซเดียมไม่ให้เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ประมาณเกลือแกง 1 ช้อนชา
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำเปล่าคือยาบำรุงไตที่ดีที่สุด การดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว (หรือ 1.5-2 ลิตร) ช่วยให้ไตขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น แต่ผู้ที่เป็นโรคไตแล้วต้องปรึกษาแพทย์เรื่องปริมาณน้ำที่เหมาะสม
3. ระวังยาแก้ปวด และสมุนไพร คนไทยชอบซื้อยากินเอง โดยเฉพาะยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น ไอบูโพรเฟน, ไดโคลฟีแนค) หากกินติดต่อกันนานจะทำลายเนื้อไตโดยตรง รวมถึงยาสมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดที่ไม่มีอย.รับรอง ก็เป็นสาเหตุให้ไตวายเฉียบพลันได้
4. คุมโรคประจำตัวให้ดี เบาหวานและความดันโลหิตสูง คือสาเหตุอันดับ 1 และ 2 ของโรคไตเรื้อรัง หากคุณมีโรคเหล่านี้ ต้องกินยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดและคุมระดับน้ำตาล/ความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
5. ตรวจสุขภาพประจำปี อย่ารอให้ป่วย การตรวจเลือด (ดูค่า Creatinine/eGFR) และตรวจปัสสาวะปีละ 1 ครั้ง เป็นวิธีเดียวที่จะรู้ค่าการทำงานของไตที่แท้จริง
“รักใคร ให้ชวนกันไปตรวจไต” เพราะไตที่แข็งแรง คือพื้นฐานของชีวิตที่ยืนยาว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะดื้ออินซูลิน ภัยเงียบก่อนเป็น เบาหวาน รู้ทัน ป้องกันได้
- หมอเตือน! คนความดันสูง ดื่มกาแฟตอนเช้า “เสี่ยงเส้นเลือดสมองแตก” แนะ 2 วิธีแก้ง่าย ๆ
- เผย 2 นิสัยสุดแปลกของคนญี่ปุ่นที่ต่างชาติมองข้าม กลับเป็นเคล็ดลับอายุยืน ห่างมะเร็ง-เบาหวาน
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



