
จากจอแก้ว เหมียว ชไมพร อั้ม พัชราภา สู่ยุคสตรีมมิ่ง Netflix เส้นทาง 3 ทศวรรษ ‘เพลิงพระนาง’ ละครชิงบัลลังก์ที่คนไทยอินไม่เลิก ได้ทีมผู้สร้าง ‘สืบสันดาน’ มาการันตีความเดือด
“ไสเสลี่ยงไป กูจักไปเน็ตฟลิกซ์!”
ประโยคเดียวนั้นดังขึ้นบนหน้าฟีดโซเชียลมีเดียเมื่อ Netflix ประกาศไลน์อัปคอนเทนต์ไทยปี 2026 ภาพโปสเตอร์โทนสีแดงเพลิง ตรงกลางคือบทโทรทัศน์ชื่อเรื่องคุ้นตาอย่าง “เพลิงพระนาง” สร้างความตื่นตัวให้กับแฟนละครทั่วประเทศทันที นี่ไม่ใช่แค่ข่าวการรีเมกละครเก่าทั่วไป แต่มันคือสัญญาณว่า เรื่องราวการแย่งชิงอำนาจใน “เมืองคุ้ม” ที่เคยครองใจคนดูโทรทัศน์มาถึงสองยุคสมัย กำลังจะถูกยกระดับสู่สากลด้วยมาตรฐานสตรีมมิงระดับโลก
เมื่อหอคำกำลังจะเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนหน้าใหม่ ทีมข่าวบันเทิงไทยเกอร์ จึงอยากพาคุณย้อนเวลาไปทำความรู้จักกับตำนานบทนี้ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นบนหน้ากระดาษ ความทรงจำสีจางในยุค 90 ความวิจิตรตระการตาในยุคทีวีดิจิทัล จนถึงความคาดหวังครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเวอร์ชันซีรีส์

ต้นกำเนิดเพลิงแค้น พม่าเสียเมือง หน้าประวัติศาสตร์สู่เมืองสมมติ
ก่อนจะเป็นละครที่ทำให้คนดูอินกันทั่วบ้านทั่วเมือง รากฐานของ “เพลิงพระนาง” เกิดขึ้นจากปลายปากกาของ คม-แรเงา(ทีมเขียนบทโทรทัศน์ชื่อดังในอดีต) แม้ตัวละครและสถานที่ในเรื่องจะระบุว่าเป็น “เมืองคุ้ม” ซึ่งเป็นดินแดนสมมติ แต่ผู้ชมที่มีความรู้ทางประวัติศาสตร์ต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย
ผู้เขียนบทหยิบยกแรงบันดาลใจมาจากเกร็ดประวัติศาสตร์พม่าช่วงปลายราชวงศ์คองบอง อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือสำคัญอย่าง “เที่ยวเมืองพม่า” พระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และ “พม่าเสียเมือง” ผลงานคลาสสิกของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นำมาผสมผสานจินตนาการผูกปมเรื่องราวขึ้นใหม่
แก่นหลักของเรื่องไม่ได้มีเพียงการรบพุ่งเพื่อแย่งชิงดินแดน แต่เป็นการเจาะลึกไปที่อำนาจฝ่ายใน หรือการเมืองในราชสำนักที่มีผู้หญิงเป็นผู้เล่นหลัก ตัวละครอย่าง เจ้านางอนัญทิพย์ ไม่ได้เป็นเพียงนางร้ายที่กรีดร้อง แต่คือตัวแทนของคนที่ถูกกระทำย่ำยีศักดิ์ศรี จนต้องลุกขึ้นมาทวงคืนทุกอย่างด้วยเล่ห์เหลี่ยมและกลยุทธ์ โดยมีชะตากรรมของบ้านเมืองเป็นเดิมพัน โครงสร้างเรื่องที่แข็งแรงเช่นนี้เองทำให้เพลิงพระนางไม่เคยตกยุค ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี

ละครเวอร์ชั่นแรก 2539 ยุคทองของ ‘เหมียว ชไมพร’
เพลิงพระนางเวอร์ชันแรกออกอากาศทางช่อง 5 ในปี 2539 แฟนละครยุค 90 ต่างจดจำได้ดีถึงความขลังของโปรดักชันยุคฟิล์ม ภายใต้การผลิตของกันตนาและการกำกับของ อดุลย์ บุญบุตร
ในยุคนั้น บทบาท เจ้านางอนัญทิพย์ ตกเป็นของนักแสดงมากฝีมืออย่าง เหมียว-ชไมพร จตุรภุช การตีความของเหมียวทำให้ตัวละครนี้มีมิติที่น่าสะพรึงกลัว เหมียวไม่ได้แสดงความร้ายกาจด้วยเสียงกรี๊ดเพียงอย่างเดียว แต่ใช้แววตา น้ำเสียงทุ้มต่ำ และจังหวะการพูดที่เชือดเฉือน สร้างภาพจำของผู้หญิงทรงอำนาจที่น่าเกรงขาม ขณะที่ ปรียานุช ปานประดับ ในบท เจ้านางเสกขรเทวี ก็ทำหน้าที่เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อด้วยความสงบนิ่งแต่เด็ดขาด
เวอร์ชันนี้กลายเป็นบรรทัดฐานสำคัญที่ทำให้คนดูจดจำภาพ เจ้าหลวงเมืองคุ้ม (รับบทโดย สันติสุข พรหมศิริ) และบรรยากาศความมืดหม่นของหอคำ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในละครพีเรียดที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการโทรทัศน์ไทย

คืนตำนาน ละครเวอร์ชั่น 2560 ‘อั้ม พัชราภา’ กับปรากฏการณ์เพลิงพระนางครองแผ่นดิน
เวลาผ่านไปกว่า 20 ปี กันตนาตัดสินใจหยิบตำนานนี้มาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งทางช่อง 7 HD ในปี 2560 ยุคที่โซเชียลมีเดียเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดูละคร ครั้งนี้ไม้ผลัดถูกส่งต่อไปยังซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของไทย อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ที่มารับบทเจ้านางอนัญทิพย์ ส่วน เหมียว ชไมพร กลับมาปะทะฝีมือในบท เจ้าสำเภางาม
การกลับมาครั้งนี้สร้างกระแสฮือฮาตั้งแต่ภาพฟิตติ้ง เครื่องแต่งกายที่ถูกออกแบบใหม่อย่างวิจิตรบรรจง ฉากหอคำที่เนรมิตขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงการปะทะบทบาทกับนักแสดงระดับท็อปอย่าง ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม (รับบทเสกขรเทวี) และ เคลลี่ ธนะพัฒน์ (รับบทเจ้าหลวงเมืองคุ้ม)
ผลลัพธ์ที่ออกมาคือความสำเร็จอย่างถล่มทลาย เรตติ้งเฉลี่ยสูงถึง 9.0 กลายเป็นละครที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่อง 7 ในปีนั้น โลกออนไลน์เต็มไปด้วยแฮชแท็ก #เพลิงพระนางครองแผ่นดิน และมีมต่าง ๆ จากละครที่ถูกส่งต่อกันนับไม่ถ้วน แม้จะมีกระแสเปรียบเทียบระหว่างเวอร์ชันเหมียวกับเวอร์ชันอั้ม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอั้ม พัชราภา สามารถถ่ายทอดความเป็นนางพญาในแบบฉบับของตัวเองได้ จนคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงจากหลายเวทีมาครอง
อย่างไรก็ตาม ความดังย่อมมาพร้อมกับประเด็นอ่อนไหว ในช่วงที่ละครออกอากาศ ทายาทของพระเจ้าธีบอ กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ได้ออกมาแสดงความไม่สบายใจต่อเนื้อหาบางส่วนที่อาจกระทบกระเทือนความรู้สึก ซึ่งทางทีมผู้สร้างก็ได้ออกมาชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจว่า ละครเรื่องนี้สร้างจากจินตนาการและเป็นเมืองสมมติที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า เนื้อหาของเพลิงพระนางนั้นทรงพลังและส่งผลกระทบในวงกว้างเพียงใด

2025 ทีมสร้าง ‘สืบสันดาน’ ผนึกกำลัง Netflix สู่หอคำเวอร์ชันซีรีส์
มาถึงวันนี้ ปี 2025 ตำนานบทนี้กำลังจะถูกเล่าขานใหม่อีกครั้ง แต่บริบทได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อ Netflix ประกาศสร้าง “เพลิงพระนาง” ในรูปแบบซีรีส์
ความน่าสนใจที่สุดของโปรเจกต์นี้ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อเรื่อง แต่คือรายชื่อทีมผู้สร้าง Netflix ดึงตัว กานต์-ศิวโรจณ์ คงสกุล ผู้กำกับที่มีลายเซ็นเฉพาะตัวมารับหน้าที่กุมบังเหียน กานต์สร้างชื่อมาจากภาพยนตร์นอกกระแสอย่าง Eternity (ที่รัก) และ Anatomy of Time (เวลา) ซึ่งมีความละเมียดละไมในการเล่าเรื่องความทรงจำและกาลเวลา แต่สิ่งที่ทำให้แฟนละครวงกว้างมั่นใจในฝีมือเขา คือความสำเร็จล่าสุดจากซีรีส์ “สืบสันดาน” (Master of the House)
สืบสันดาน ได้พิสูจน์แล้วว่า ทีมผู้สร้างชุดนี้ (ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่าง Netflix กับ กันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส) สามารถนำพล็อตเรื่องแนวดราม่าชิงสมบัติแบบไทย ๆ มายกระดับให้มีความเป็นสากล มีความดิบ สมจริง และโปรดักชันที่หรูหราได้ เมื่อทีมงานชุดเดิมขยับจากการตีแผ่สันดานคนใน “บ้านเจ้าสัว” ยุคปัจจุบัน มาสู่เกมการเมืองใน “หอคำ” ยุคโบราณ จึงเป็นส่วนผสมที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
เราอาจคาดหวังได้ว่า เพลิงพระนางเวอร์ชัน Netflix จะไม่ได้มีแค่ฉากตบตีแย่งชิงหรือบทพูดที่เน้นความสะใจแบบละครโทรทัศน์ดั้งเดิม แต่จะพาเราไปสำรวจจิตใจด้านมืดของมนุษย์ ความบิดเบี้ยวของตรรกะในการแสวงหาอำนาจ และรายละเอียดทางศิลปกรรมที่สมจริงยิ่งขึ้น ผ่านการกำกับภาพและเล่าเรื่องในสไตล์ภาพยนตร์
- ผู้กำกับ: ศิวโรจณ์ คงสกุล
- ผู้อำนวยการสร้าง: กัลป์ กัลย์จาฤก
- ผู้เขียนบท: ณัฐ นวลแพง, วีรสุ วรพจน์, ณัฐมล แพถนอม, ณัฐพจน์ พจน์จำเนียร และ ฐิติพงศ์ ใช้สติ
- ผู้ผลิต: กันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส
- กำหนดสตรีม: เร็วๆ นี้

ใครจะเป็น ‘เจ้านางอนัญทิพย์’ คนต่อไป?
ระหว่างที่รอคอยการเปิดตัวนักแสดงอย่างเป็นทางการ คำถามที่ดังที่สุดในใจผู้ชมคงหนีไม่พ้น “ใครจะมารับบทเจ้านางอนัญทิพย์?” บทบาทที่เคยส่งให้ เหมียว ชไมพร และ อั้ม พัชราภา กลายเป็นตำนาน จำเป็นต้องใช้นักแสดงที่มีบารมีทางการแสดงสูง สามารถสะกดคนดูได้ทั้งตอนนิ่งเงียบและตอนระเบิดอารมณ์
ไม่ว่าหวยจะไปออกที่ใคร สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้คือ ไฟแห่งความแค้นในเมืองคุ้มครั้งนี้จะลุกโชนกว่าที่เคย เพราะเมื่อแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Netflix ลงมาเล่นเอง ย่อมหมายถึงการนำเรื่องราวแบบไทยแท้ไปสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก นี่อาจเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้สากลโลกได้เห็นว่า ดราม่าราชสำนักของไทยนั้นเข้มข้นและซับซ้อนไม่แพ้ซีรีส์ชิงบัลลังก์จากชาติใด
สำหรับแฟนละครรุ่นเก๋า นี่คือการพบกับเพื่อนเก่าในรูปโฉมใหม่ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่อาจเคยเห็นผ่านตาแค่คลิปสั้น ๆ นี่คือโอกาสที่จะได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของตำนานด้วยตาตัวเอง เตรียมจัดเสลี่ยงให้พร้อม แล้วรอชมความพินาศอันงดงามของเมืองคุ้มไปพร้อมกัน เร็ว ๆ นี้ ที่ Netflix.
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





