
นาย ณภัทร เปิดใจครั้งแรก หลังผ่านมรสุมใหญ่ในชีวิต แหลกสลาย ไม่เหลือชิ้นดี เอาชนะแพนิคด้วยการวิ่ง หันกลับมารักตัวเอง เลือกตัวเองก่อน
ในรายงานพอตแคสต์ ของ ท็อป ทศพล ช่อง KARNFOEI นาย ณภัทร เปิดเผยว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เปรียบเสมือน “การล้างกระดานชีวิต” ใหม่ทั้งหมด มันเป็นช่วงเวลาที่พระเอกหนุ่ม ลูกชายหมู พิมผกา ว่า “ร่างแหลก แตก ไม่เหลือชิ้นดี” แต่ก็เป็นช่วงที่ทำให้เขาได้เข้าใจความหมายของคำว่ารักตัวเองเป็นครั้งแรก
ในอดีต นานยเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคนรอบข้างเป็นหลัก มีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นมีความสุขเพราะเขา และจะรู้สึกแย่อย่างมากหากตัวเองเป็นต้นเหตุของความทุกข์ของใคร จนกระทั่งลืมความรู้สึกของตัวเองไปหมด ไม่เคยจัดลำดับความสำคัญของตัวเองเป็นที่หนึ่ง
จุดเปลี่ยนคือการตัดสินใจหยุดรับงานแสดงเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เพื่อกลับมาทำงานกับร่างกาย อารมณ์ และจิตใจของตัวเอง เขาอธิบายว่ากระบวนการนี้โคตรทรมาน เหมือนการต้องขุดเม็ดพันธุ์ที่ฝังลึกอยู่ในใจออกมา การยอมรับทางอารมณ์เป็นสิ่งที่ยากมากและต้องใช้เวลา
ณ ปัจจุบัน ปรัชญาของนายคือการ เลือกตัวเองมาเป็นอันดับ 1 เสมอ จะให้ความสำคัญกับความต้องการจากภายในของตัวเองก่อน
การล้างกระดาน ส่งผลโดยตรงต่ออาชีพการงาน นายกลับมาพร้อม “Power of Choosing” หรือพลังในการเลือก หลังจากนี้ “ไม่มีใครสามารถบังคับผมได้” นายจะเลือกทำในสิ่งที่รักและมีความสุขเท่านั้น
การตัดสินใจรับเล่นละครเวที “2499 (อันธพาลครองเมือง)” คือการก้าวออกจาก Comfort Zone ครั้งใหญ่ กลัวมากว่าจะทำลายภาพจำที่เป็นไอคอนิคแต่ก็ตัดสินใจกระโดดลงหน้าผา จนค้นพบว่าการได้ทุ่มเท 10,000% ให้กับสิ่งที่รัก มันคือความสุขอย่างแท้จริง ทำให้เพิ่งค้นพบความรักในอาชีพ ความรักในการแสดงอย่างแท้จริง หลังจากอยู่ในวงการมา 10 ปี

วิ่งสู้แพนิค พลังของการ “ทำไปก่อน”
การวิ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเยียวยาจิตใจ นาย ณภัทร เล่าว่าตัวเองเผชิญกับอาการแพนิครุนแรง ควบคุมไม่ได้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ครั้งหนึ่ง ในวันที่อาการแพนิคกำเริบหนัก เขาตัดสินใจ “แทงสวน” ความกลัวนั้น ด้วยการขึ้นลู่วิ่งแล้ววิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยคิดว่า “ดูดิว่าหัวใจกูแม่งจะเต้นตายห่าไปเลยรึเปล่า”
ปรากฏว่าวิธีนี้ได้ผล นายค้นพบ “The Power of Do it” พลังของการทำไปก่อน การวิ่งบังคับให้เขามีสมาธิอยู่กับตัวเอง 100% ทำให้ร่างกายสูบฉีดเลือด ความคิดก็สดชื่นขึ้น เมื่ออาการเริ่มมาอีกในครั้งต่อๆ ไป เขาก็จะใช้วิธี “ช่างแม่ง ทำไปก่อน” จนอาการค่อยๆ ดีขึ้น
จากนั้น นายจึงเริ่มตั้งเป้าหมายการวิ่ง ลงฮาล์ฟมาราธอนที่สิงคโปร์ ค้นพบว่าเหรียญที่ได้ ไม่ได้สำคัญเท่าวินัยที่สร้างมาตลอดทาง กับความภูมิใจในตัวเองที่ทำสำเร็จ
จากเด็กเกเรสู่ความรับผิดชอบ
นาย ณภัทร เล่าย้อนไปว่า เขาเกิดมาพร้อมกับคนที่รู้จักทั้งประเทศ เนื่องจากอาชีพของแม่ ในวัยเด็กนายเป็นเด็กอ้วน ตัวดำ และเกเร ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ในปัจจุบัน นายยอมรับว่าเคยบูลลี่เพื่อน โดยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี
จุดเปลี่ยนเกิดจากปัญหาทางการเงินของครอบครัว ครอบครัวลำบาก ทำให้ตระหนักว่าต้องตั้งใจเรียน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และเพื่อให้ได้เล่นกีฬาที่รักต่อไป ความรับผิดชอบจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง เมื่อเติบโตขึ้นเริ่มเห็นด้านที่ไม่ดีของโลก ก็เริ่มเข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น เขาได้ย้อนกลับไปไล่ขอโทษเพื่อนทีละคน ที่เคยบูลลี่ไว้ในอดีต เพราะเริ่มเรียนรู้ที่จะเอาใจคนอื่นมาใส่ใจเรา

รับมือดราม่า ยอมรับความจริง เข้าใจโลก
เมื่อต้องเผชิญกับความคิดเห็นเชิงลบ หรือเรื่องไม่จริงในโซเชียลมีเดีย นาย ณภัทร ยอมรับว่าข้างในก็มีความโกรธ (เอาว่ะ ไอ้สัตว์) แต่นายมีวิธีจัดการ ยอมรับความจริง รู้ดีที่สุดว่าอะไรจริงหรือไม่จริง นี่คือเรื่องปกติของอาชีพ คนมีสิทธิ์ที่จะคิดและตีความ และเลือกที่จะดีลกับใจตัวเองฃ
นายเปรียบเทียบว่า คอมเมนต์ลบเหมือน “อาหารที่กินแล้วตาย” ส่วนอาหารที่ทำให้มีชีวิตต่อได้ แม้ไม่ดีขึ้น เขาก็จะเลือกกินสิ่งที่ทำให้ไปต่อได้ เลือกที่จะหลีกเลี่ยงดราม่า หันไล่ตามเป้าหมายของตัวเอง พี่หนุ่ม กรรชัย เคยสอนว่า โลกนี้ไม่มีใครผิดใครถูก ทุกคนมีมุมมองของตัวเอง
สุดท้าย นาย ณภัทร ให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหาว่า “คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้อยู่คนเดียว” ล้มเหลวหรือมีปัญหาไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่มันคือกระบวนการเรียนรู้ แนะนำให้ทุกคนใจดีกับตัวเอง และในวันที่ไม่มีใครกอด “ก็กอดตัวเองไปก่อน”
เขาเชื่อว่าทุกคนเก่งมากที่ผ่านมาถึงจุดนี้ได้ ทุกการล้มเหลวจะประกอบให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น เขาปิดท้ายด้วยคติที่ว่า “ชีวิตไม่สู้ก็ตาย เหนื่อยก็พักครับ แล้วก็ลุกขึ้นไปต่อ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ส่องโพสต์ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก หลังโดนโยงสัมภาษณ์ ท็อป จรณ “แฟนเก่าที่รักที่สุด”
- อุ๊ย! เพจดังสงสัย นาย ณภัทร ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ไร้เงาคุณแม่ สรุปมาร่วมงานไห
- นาย ณภัทร มูฟออนใบเฟิร์น 100% เผย ซุ่มทำเพลง-ปล่อยต้นปีหน้า
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





