อ่านคำพิพากษาเต็มๆ ศาลสั่งจำคุก “พี่ศรี-เจ๋ง ดอกจิก” คดีรีดเงินอธิบดี

อ่านคำพิพากษาเต็มๆ ศาลสั่งจำคุก ศรีสุวรรณ จรรยา และ เจ๋ง ดอกจิก คดีรีดเงินอธิบดีกรมข้าว มีหลักฐานเชื่อว่าทั้งคู่กระทำผิดจริง
จากกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษาในคดีสำคัญ กรณีการเรียกรับทรัพย์สินจาก นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว โดยศาลมีคำสั่งพิพากษา จำคุก นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เป็นเวลา 6 ปี และ จำคุก นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน พร้อมพวก เป็นเวลา 4 ปี โดยทั้งหมดไม่รอลงอาญา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งหมดกระทำความผิดจริง ฐานเป็นพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนเจ้าพนักงานงานให้ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบ มีพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิด ทำคลิปเสียง, คลิปภาพ , ข้อความแชทในแอพพลิเคชันไลน์ และหมายเลขธนบัตรที่นำไปมอบให้นายศรีสุวรรณที่บ้านนั้น เป็นหมายเลขเดียวกันกับที่ภรรยาของนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เบิกจากธนาคารมาเพื่อเป็นหลักฐานในการส่งมอบเงินในวันเกิดเหตุ
ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุเป็นคณะทำงานตรวจราชการที่ 11 และได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครอง จำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงฟังไม่ขึ้น โดยคดีนี้โจทก์อ้างคลิปบันทึกภาพและเสียง 40 คลิป จากภรรยาของผู้เสียหาย ซึ่งศาลส่งตรวจพิสูจน์แล้วไม่มีการตัดต่อ และจำเลยที่ 1-3 ไม่ได้ปฏิเสธว่าคลิปและภาพดังกล่าวเป็นความจริง และคลิปและภาพดังกล่าวแสดงเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอน
สอดคล้องกับที่ผู้เสียหายและภรรยาเบิกความ จึงมีน้ำหนักรับฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ได้แถลงข่าวที่รัฐสภาว่า กรมการข้าวมีการทุจริตและจะทำการตรวจสอบ ก่อนจะโทรกลับหาผู้เสียหายพูดจูงใจให้ยอมจ่ายเงิน เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง โดยจำเลยที่ 2 ให้เหตุผลว่าจะพิสูจน์ว่าผู้เสียหายไม่มีความผิด และในวันดังกล่าวจำเลยที่ 3 ได้โทรหาภรรยาผู้เสียหายเพื่อเรียกเงิน แต่ได้ต่อรองจนเหลือราคา 1.5 ล้านบาท จากเดิม 3 ล้านบาท และขอให้จ่ายก่อนปีใหม่
อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานจากบทสนทนาในแอพลิเคชั่นไลน์ ถึงการนัดหมายและเรียกรับเงินหลายครั้ง โดยเป็นการสนทนาระหว่างจำเลยที่ 3 ที่เป็นเลขาของจำเลยที่ 1 และยังมีการเชื่อมโยงกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ทั้งบทสนทนาและหลักฐานการโอนเงิน นอกจากนี้ในวันที่ 26 มกราคม 2567 ภรรยาผู้เสียหายได้นำเงินจำนวน 5 แสนบาทใส่ถุงพลาสติก มาแขวนไว้ที่หน้าประตูบ้านของจำเลยที่ 2 จากนั้นจำเลยที่ 5 ได้นำถุงกลับเข้ามาในบ้าน โดยมีการหยิบใส่ถุงพลาสติกสีดำอันมีลักษณะปกปิดและมีพฤติกรรมน่าสงสัย เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 5 ทราบว่าเงินดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร พฤติการณ์ของจำเลยทั้ง 5 เป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ
จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินและขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ทรัพย์สิน และชื่อเสียงของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอม ต้องกระทำการนั้นหรือไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทไความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ และเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ
จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 5 ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงไม่อาจลงโทษจำเลย 2-5 ในฐานะเป็นตัวการในการกระทำความผิดได้ อย่างไรก็ตามการกระทำของจำเลยที่ 2-5 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการทำผิด จึงต้องรับผิดฐายเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1
พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง 3 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา172 , 173 และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง , 337 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 , 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐและจำเลยที่ถึงที่ ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบ ด้วยหน้าที่ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี
จำคุกจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 คนละ 4 ปี บวกโทษจำคุก 2 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ2283/2565 หมายเลขแดงที่ อ3002/2566ของศาลอาญามีนบุรี และบวกโทษจำคุก 2 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ228/2565 หมายเลขแดงที่ อ3003/2566 ของศาลอาญามีนบุรี เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี 4 เดือน นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขดำที่ อ2542/2553 คดีหมายเลขแดงที่ อ2076/2562ของศาลอาญา
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่3127/2566ของศาลอาญา เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ริบเงิน 160,000 บาท ที่จำเลยทั้งห้าได้มาจากการกระทำความผิดตามฟ้องโดยให้จำเลยทั้งห้าชำระเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลภายใน 30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาหากจำเลยทั้งห้าไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน
เพราะเหตุว่าโดยสภาพของสิ่งที่ศาลจะสั่งริบหรือได้สั่งริบไม่สามารถส่งมอบได้ สูญหาย หรือไม่สามารถติดตามเอาคืนได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือได้มีการจำหน่ายจ่ายโอน สิ่งนั้น หรือการติดตามเอาคืนจะกระทำโดยยากเกินสมควร หรือมีเหตุสมควรประการอื่น ให้จำเลยทั้งห้าร่วมชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวหรือต้นเงินที่ค้างชำระนับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้ตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่)บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 33
ด่วน! ศาลสั่งจำคุก ศรีสุวรรณ จรรยา 4 ปี เจ๋ง ดอกจิก 6 ปี ไม่รอลงอาญา คดีรีดเงินอธิบดีกรมการข้าว
ติดตาม The Thaiger บน Google News: