ข่าวอาชญากรรม

ร้อยเวรเล่าเอง “อายัดบัญชีม้า“ มาตรการบ้งสุดรอบ 5 ปี ร้านค้าแห่ “งดรับโอน” แถวหนึ่ง-สอง รอคุยตร.อีก

ร้อยเวรเล่าอายัดบัญชีม้า เมื่อสายหนึ่งโทรเข้า 1441 บอกว่า บัญชีนี้โกง แค่ตรวจสอบมีรายการโอนจริง ธนาคารอายัดเลย 3 วัน เซ่นผลพวงแก้ปัญหาปราบโกงแบบบ้งๆ ร้านค้าแห่ “งดรับโอน” หลายคนเตรียมถอนเงินสดกลับบ้าน

ประเด็นร้อนหลังเกิดปัญหา “บัญชีม้าระบาด” โดยลุกลามมาถึงบรรดาผู้ประกอบการจำนวนมากซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จู่ๆ มีหมายเรียกต้องเข้าพบตำรวจกันสนั่นหลายๆ โรงพักในแต่ละท้องที่

ข้อมูลจากเพจอรรถรสระบุ วันนี้ (14 ก.ย.68) จากกรณีดราม่าบัญชีม้าที่มีการอายัดลุกลามบานปลายไปจนร้านค้าหลายแห่งเริ่มติดป้ายงดรับโอน-รับเงินสดเท่านั้น ขณะที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มถอนเงินสดออกจากบัญชี

ตัวอย่างเคสผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้ถูกอายัดซ้ำซ้อนจากเงินโอนแค่ 860 บาท โดนอายัดบัญชี 2 ครั้งจากเรื่องเดิม ธนาคารสาขาปลดรอบแรกแล้ว แต่ สอท.2 ส่งอายัดซ้ำเข้าสำนักงานใหญ่ ทำให้ปลดไม่ได้ เมื่อติดต่อ สอท.4 เชียงใหม่-ตำรวจไซเบอร์ ไม่ได้รับการตอบกลับ ระบบทำงานซ้ำซาก ไม่เชื่อมโยง ตอนนี้ประชาชนลำบากอย่างหนัก

อีกเคสแม่ค้าโดนอายัด “ยอดเงินบางส่วน” เพราะลูกค้าโอนมา ผู้เสียหายค้าขายสุจริตกลับโดนอายัดยอดเงิน 169,xxx บาท

ระบบระบุว่า “รับโอนจากบัญชีม้า” แม้จะไม่รู้จักลูกค้า ถูกอายัดมาแล้ว 7 วัน ไม่มีช่องทางชี้แจง ธนาคารบอกเพียงว่า “ตำรวจแจ้งอายัด” ไม่รู้จะติดต่อใครต้องรออย่างเดียวกระทั่งเสียโอกาสหมุนเงินทันที

ภาพ @เพจอรรถรส

เปิดมุมอ้าง ร้อยเวรโพสต์ระบายมาตรการสุดบ้ง ในรอบ 5 ปีไม่เคยวุ่นเท่านี้

สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จนถึงนาทีนี้ ล่าสุดโลกออนไลน์พากันแชร์เนื้อหา ซึ่งอ้างหลุดจากการเขียนระบายจากผู้ใต้บังคับบัญชาชั้นผู้น้อย ซึ่งเล่าละเอียดในมุมระบบหลังบ้านสีกากี

โดยจั่วหัวว่า เรื่องที่จะเล่านั้นเป็นประเด็น “ร้อยเวรอายัดบัญชี” ซึ่งอยากให้คนทั่วไปเข้าใจ

ในโพสต์อ้างว่า ตนเองปฏิบัติหน้าที่เป็นร้อยเวรเหมือนกันและยอมรับมาตรการดังกล่าวนั้น “บ้งที่สุด” ตั้งแต่ทำงานมา 5 ปี ก่อนอธิบายร่ายยาวถึงโปรเซสการทำงาน คือ เมื่อสายหนึ่งโทรเข้า 1441 แจ้งว่า “บัญชีนี้โกง” จากนั้นแค่ตรวจสอบมีรายการโอนจริง ! ธนาคารก็อายัดเลย 3 วัน โดยใช้อำนาจ พรก.อาชญากรรมเทคโน ปี 66

ต่อมา 1441 จะลงข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์ของตำรวจ ซึ่งจะขอเรียกว่า “TPO”

ในส่วนของคดีตัวระบบจะเร่งรัดให้มีการแจกคดีให้กับร้อยเวรตามโรงพักว่า ตำรวจคนไหนจะได้คดีนี้ไปรับผิดชอบต่อและจะปรากฏชื่อพนง.ผู้รับผิดชอบในระบบ TPO

ผลที่ตามมาคือจะมี SMS บอกผู้เสียหายให้มาแจ้งความกับ “ร้อยเวร” ที่เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบที่สน. โดยเอกสารให้มายื่นที่ทั้งหมดที่นี่ แต่ต่อมาทางกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จะเอาข้อมูลที่อยู่ใน TPO ที่ได้จากแค่การโทรตรงนั้น ไม่มีแชท-ไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรอื่น ๆ เพราะหลักฐานในคดีผู้เสียหายจะนำมาให้ร้อยเวรที่โรงพักไปทำหมายอายัดบัญชี หรือที่ตำรวจเรียกว่า หมายเอช ”H” ส่งทางระบบออนไลน์ ไปที่ธนาคารของผู้เสียหายโดยยืนยันว่า มีคดีอาชญากรรมเทคโนเกิดขึ้นจริง 100% แน่นอน กับทางธนาคาร (ทั้ง ๆ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยซักอย่างตามที่บอกไปข้างต้น และไม่เคยติดต่อมาขอข้อมูลจากโรงพักก่อนไปทำหมาย H)

ส่วนจุดประสงค์เพื่อให้ธนาคารผู้เสียหายไล่เส้นเงินมาให้ พร้อมทั้งทำอายัดไปด้วย ซึ่งทาง บช.สอท. จะทำทุกคดีที่โผล่เข้ามาในระบบรับแจ้งความออนไลน์ แปลง่าย ๆ คือ เด้งปุ๊ปทำปั๊ป ! มี 100 คดีก็ทำ 100 คดี

ทีนี้ความวายป่วงก็จะเริ่มต้นจากหมาย H อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าใครที่เป็นบัญชีรับเงินแถวแรก แล้วคดีนั้นมีหมาย H มีโอกาสจะโดนนำชื่อไปเสนอเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือ “HR03” หรือเป็นม้าดำ คุณจะโดนอายัดทุกบัญชีที่เปิดด้วยบัตรประชาชนของท่าน

หรือไม่ก็เป็น “ม้าเทาเข้ม” ซึ่งเหมือนกับม้าดำ คือ โดนอายัดหมดเหมือนกัน แค่ขั้นตอนขอปลดอายัดไม่ต้องเสนอไปถึง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อปลดอายัด เสนอแค่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็แจ้งธนาคารขอปลดได้ และยังมีม้าเทาอ่อนอีก อันนี้คือบัญชีแถวสอง แถวสาม ที่อาจจะเป็นบัญชีม้าหรือไม่ก็ได้ แค่ธนาคารไล่เส้นทางการเงินตามหมาย H แล้วไป แตะ ๆ ก็อาจจะโดนอายัดได้และโดนทุกบัญชีเหมือนกัน

แฟ้มภาพ

ทีนี้มาถึงขั้นตอนการปลดอายัด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกระเบียบในเรื่องของการปลดอายัด โดยสรุปเป็นภาษาชาวบ้านคือให้ บช.สอท. ทำหมาย H เพื่ออายัด (อย่างเดียว) แต่เรื่องการขอปลดให้ร้อยเวรตามโรงพักที่ 1441 แจกคดีให้เป็นคนทำเรื่องเสนอไปให้ บช.สอท. อ่านก่อนว่าจะปลดให้หรือไม่ให้ ?

ผลที่ได้ คือ คนทำอายัดก็ทำไป ทำผิดทำมั่ว ก็บอกว่า อ้อ ต้องให้โรงพักทำเสนอขึ้นมา

เจ้าของเรื่องย้ำว่า ปกติแล้วร้อยเวรโรงพักหน้าที่หลัก ๆ คือทำคดีครับ ส่งสำนวนให้อัยการฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ซึ่งต่อให้ไม่ใช่คดีออนไลน์ก็ต้องทำ รถชน-ไฟไหม้-เช็คเด้ง-ข้างบ้านตีกัน-ด่าพ่อล้อแม่ โพสต์ประจานหมิ่นประมาท ฯลฯ ซึ่งต่างจาก บช.สอท.ที่หน่วยงานภายในที่รับผิดชอบเรื่องทำหมาย H นั้น ไม่ต้องมาทำงานจับฉ่ายแบบนี้และทุกอย่างเป็นไฟล์ส่งผ่านระบบกันทั้งหมด คลิก ๆ ไม่กี่ปุ่ม คนทั่วไปก็โดนอายัดได้แล้ว

ที่สำคัญคือ เรื่องทำถอนอายัดตอนนี้ ไม่เกี่ยวกับคดี คิดแบบเข้าใจง่าย ๆ ไปอายัดบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับคดี แล้วทีนี้ ! จะเกี่ยวกับการทำคดีได้ยังไง

ทั้งนี้ การทำถอนอายัดนั้น ต้องสอบปากคำทั้งเจ้าของบัญชี ทั้งผู้เสียหายลงในกระดาษ ให้ลงลายมือชื่อ ร่างหนังสือราชการเสนอผู้บังคับบัญชาลงนาม และเอาที่เป็นกระดาษนี้ แสกนเป็น PDF และส่งเข้าระบบ ไม่มีมาคลิก ๆกด ๆง่าย เหมือนหน่วยที่ทำอายัด

จุดนี้เลยกลายเป็นงานเอกสารที่เพิ่มเข้ามาให้ร้อยเวรทำเพิ่ม และแน่นอนว่าคนทำมันมีอยู่คนเดียว มันก็ไปเบียดบังเวลาทำคดีของคนอื่นอีก จึงเป็นเหตุให้ทุกที่เลยเป็นเหมือนกันหมด คืองานมันมาติดคอขวดที่ร้อยเวรโรงพัก เกิดความล่าช้า

ณ วันนี้ ไม่มีวิธีอื่นนอกจากต้องรอร้อยเวรเจ้าของคดีที่ผู้เสียหายโทรไปแจ้ง 1441 ทำเรื่องเสนอไป บช.สอท.

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

ร้อยเวรรายนี้ย้ำตอนท้ายถึงประเด็นที่อยากให้สังคมตั้งคำถามนั้น คือ วิธีการแบบนี้เหมาะสมแล้วหรือไม่ ? การไปร้องเรียน ไปออกสื่อแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ระบบที่แค่นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ทำงานสุจริตสามารถโดนอายัดได้แบบงง ๆ จะคงอยู่ต่อไป โดยที่ทุกคน (รวมถึงผมเองก็ด้วย) มีโอกาสจะโดนกันอย่างเท่าเทียม แค่ไม่รู้ว่าจะโดนกันวันไหนแค่นั้น

”ถ้าใครมีพาวเวอร์ แล้วอยากทำเพื่อประชาชนจริง ๆ น่าเอาเรื่องนี้เข้าศาลปกครอง ไม่ก็เอาเข้าสภาไปเลยครับจะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ“ (อ่านโพสต์ฉบับเต็ม).

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button