น้อยคนรู้ พระพิฆเนศสูงที่สุดในโลก ไม่ได้อยู่อินเดีย แต่อยู่ประเทศนี้

สื่ออินเดีย NDTV ยังชื่นชม เปิดพิกัด อุทยานพระพิฆเนศ คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ที่ตั้งขององค์พระพิฆเนศปางยืนเนื้อสำริดสูง 39 เมตร สูงสุดที่ในโลก พร้อมความหมายมงคลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
แม้ประเทศอินเดียจะเป็นดินแดนต้นกำเนิด ศูนย์กลางของศาสนาฮินดู แต่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า องค์พระพิฆเนศปางยืนที่สูงที่สุดในโลกนั้น ไม่ได้ตั้งอยู่ในอินเดีย แต่กลับตั้งตระหง่านอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ประเทศไทยนี่เอง
พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ผู้ขจัดอุปสรรค เป็นที่เคารพบูชาในประเทศไทยมานานนับพันปีนับตั้งแต่การเผยแผ่ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนหยั่งรากลึกในวัฒนธรรมไทยในฐานะสัญลักษณ์แห่งความรู้ ความสำเร็จ และการปกป้องคุ้มครอง
พระพิฆเนศปางยืนที่สูงที่สุดในโลก ณ ฉะเชิงเทรา
พล.ต.อ. สมชาย วาณิชเสนี ประธารมูลนิธิ พระพิฆเนศคลองเขื่อนฯ และมูลนิธิทองประทานฯ
และอดีตนายกสมาคมชาวฉะเชิงเทราได้จัดสร้างอุทยาน องค์พระพิฆเนศปางยืนความสูง 39 เมตร แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2555 หลังจากใช้เวลาสร้างนานถึง 4 ปี องค์เทวรูปประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนสำริดมากถึง 854 ชิ้น ตั้งอยู่อย่างสง่างามริมแม่น้ำบางปะกง ทำให้ผู้ที่สัญจรผ่านไปมาทั้งทางบกและทางน้ำสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จนกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญสำหรับผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยว
อาจารย์พิทักษ์ เฉลิมเล่า ศิลปินผู้ออกแบบ เคยอธิบายว่าองค์พระพิฆเนศปางนี้ถูกสร้างขึ้นพร้อมสัญลักษณ์มงคลที่ผูกพันกับความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทย
- พระกรทั้ง 4 ถือผลไม้มงคล ได้แก่ อ้อย, ขนุน, กล้วย และมะม่วง เป็นตัวแทนของความเจริญงอกงามและโภคทรัพย์
- ท่าย่างก้าวไปข้างหน้า สื่อถึงความก้าวหน้าของประเทศชาติ
- มงกุฎดอกบัว สะท้อนถึงพระปัญญาอันบริสุทธิ์
- ยอดมงกุฎมีสัญลักษณ์ “โอม” พระองค์ในฐานะผู้ปกป้องคุ้มครอง
จุดกำเนิด พระพิฆเนศ ตำนานโอรสผู้ถือกำเนิดจากพระแม่ปารวตี
พระแม่ปารวตี (พระอุมา) ผู้เป็นพระชายาของ พระศิวะ ทรงปรารถนาที่จะมีพระโอรสที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อพระองค์เพียงผู้เดียว ในช่วงที่พระศิวะมักจะเสด็จออกไปบำเพ็ญสมาธิเป็นเวลานาน พระแม่ปารวตีจึงทรงใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์สร้างโอรสขึ้นมา
ตามตำนานเล่าว่า พระองค์ได้นำ ผงขมิ้นและเครื่องหอม บางตำราว่าเป็นเหงื่อไคลจากพระวรกายของพระองค์เอง มาปั้นเป็นรูปเด็กชาย จากนั้นจึงชุบชีวิตให้เด็กน้อยผู้นั้นถือกำเนิดขึ้นมาเป็นโอรสที่มีรูปงาม มีพละกำลังมหาศาล
พระแม่ปารวตีได้มอบหมายหน้าที่แรกให้กับโอรสของพระองค์ว่า “จงเฝ้าหน้าประตูทางเข้าห้องสรง (ห้องอาบน้ำ) ของแม่ไว้ และห้ามให้ผู้ใดเข้ามาโดยเด็ดขาด” เด็กน้อยผู้ถือกำเนิดจากความรักของพระแม่ จึงรับคำสั่งเฝ้าประตูอย่างแข็งขัน
เหตุแห่งการมีเศียรเป็นช้าง
ในขณะที่พระแม่ปารวตีกำลังสรงน้ำอยู่นั้น พระศิวะได้เสด็จกลับมาจากการบำเพ็ญเพียรและประสงค์จะเข้าไปพบพระชายา แต่เมื่อมาถึงหน้าประตู ก็ได้พบกับเด็กชายที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนยืนขวางทางอยู่
ด้วยความจงรักภักดีต่อคำสั่งของพระมารดา เด็กน้อยจึงปฏิเสธไม่ให้พระศิวะผ่านเข้าไปโดยเด็ดขาด แม้พระศิวะจะตรัสว่าพระองค์คือสวามีของพระแม่ปารวตี แต่เด็กชายก็ไม่เคยรู้จักพระองค์มาก่อน จึงไม่ยอมให้ผ่านเข้าไป เกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงจนบานปลายเป็นการต่อสู้
เด็กชายผู้นั้น แม้จะยังเยาว์วัย แต่ก็มีพละกำลังมหาศาลที่ได้รับจากพระมารดา สามารถต่อสู้กับเหล่าเทพบริวาร (คณะ) ของพระศิวะได้อย่างน่าเกรงขาม ทำให้พระศิวะทรงพิโรธอย่างยิ่ง ด้วยความไม่รู้ว่าเด็กชายผู้นั้นคือโอรสที่พระชายาสร้างขึ้น พระองค์จึงได้ใช้ “ตรีศูล” อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ตัดเศียรของเด็กชายจนขาดกระเด็นหายไป
เมื่อพระแม่ปารวตีได้ยินเสียงการต่อสู้จึงเสด็จออกมาและพบว่าโอรสของพระองค์สิ้นใจแล้ว พระองค์ทรงโศกเศร้าเสียใจและพิโรธอย่างหนัก จนประกาศว่าจะทำลายล้างทั้งสามโลก พระศิวะและทวยเทพทั้งหลายต่างตกใจและเกรงกลัวในพลังของพระแม่
เพื่อระงับความโกรธและคืนชีพให้โอรส พระศิวะจึงได้รับปากว่าจะชุบชีวิตเด็กชายให้ฟื้นขึ้นมา แต่เนื่องจากเศียรเดิมได้หายไปแล้ว พระองค์จึงมีบัญชาให้เทพบริวารออกไปตามหาและ “จงนำศีรษะของสิ่งมีชีวิตแรกที่พบ ซึ่งนอนหันศีรษะไปทางทิศเหนือกลับมา” (ทิศเหนือถือเป็นทิศมงคล)
เทพบริวารได้ออกตามหาและสิ่งมีชีวิตแรกที่พบก็คือ “ช้าง” ที่กำลังนอนหันศีรษะไปทางทิศเหนือพอดี จึงได้ตัดเศียรของช้างนั้นกลับมาถวายแด่พระศิวะ พระองค์จึงทรงนำเศียรช้างมาต่อบนร่างของโอรสและชุบชีวิตให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่
การประทานพรและนาม “คเณศ”
เมื่อฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว พระศิวะทรงรักและเอ็นดูโอรสในร่างใหม่นี้อย่างยิ่ง จึงได้สถาปนาให้เป็นโอรสของพระองค์อย่างเป็นทางการ พร้อมประทานนามให้ว่า “คเณศ” (Ganesha) ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้เป็นใหญ่เหนือเหล่าคณะ” (Lord of the Ganas) คือให้เป็นหัวหน้าของเทพบริวารทั้งปวงของพระองค์
นอกจากนี้ พระศิวะยังได้ประทานพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้ว่า “นับจากนี้ไป ไม่ว่าผู้ใดจะประกอบพิธีกรรมหรือทำการบูชาใดๆ ก็ตาม จะต้องทำการบูชาต่อองค์คเณศก่อนเทพองค์อื่นเสมอ” ผู้ที่บูชาพระคเณศก่อนจะทำการสิ่งใด จะได้รับพรให้การกระทำนั้นๆ ประสบความสำเร็จ ปราศจากอุปสรรคทั้งปวง
ด้วยเหตุนี้ พระพิฆเนศจึงได้รับการนับถือในฐานะ “เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ” และ “ผู้ขจัดอุปสรรค” (วิฆเนศวร) และเศียรช้างของพระองค์ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสติปัญญา พละกำลัง และความเป็นสิริมงคลมาจนถึงทุกวันนี้
ข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว
เวลาเปิด-ปิด: 08:00 – 17:00 น.
ที่ตั้ง: 62 หมู่ 4 ต.บางตลาด อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา
ค่าเข้าชม: คนไทยเข้าชมฟรี / ชาวต่างชาติ 100 บาทต่อคน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: เดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ เนื่องจากอากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การท่องเที่ยว
หากต้องการอัปเดตข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม เข้าไปได้ที่ : เฟซบุ๊ก อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืน คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา – Ganesh Thailand

กิจกรรมสายบุญภายในอุทยาน
พิธีครอบเศียรพระพิฆเนศ ตามแบบฉบับพิธีพราหมณ์ เป็นการถวายตัวเป็นผู้มีจิตศรัทธาหรือศิษย์ขององค์พ่อพระพิฆเนศ ถือเป็นการแสดงถึงความกตัญญู
สักการะพระพรหม มหาเทพผู้ลิขิตชีวิตมนุษย์ผู้ซึ่งเป็น จุดกำเนิดของคำว่า “พรหมลิขิต” ลักษณะขององค์ท่านมีพระพักตร์ 4 ด้าน สีทองอร่าม งดงาม สว่างไสว
สักการะศาลเจ้าจีน เสริมพลังแห่งโชคลาภ สิริมงคลให้พ้นทุกข์ภัย ด้วยแรงแห่งศรัทธาในมหาเทพแดนมังกร
การเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
อุทยานพระพิฆเนศคลองเขื่อนอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 80 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้สะดวกทั้งทางรถไฟ รถโดยสารประจำทาง และรถยนต์ส่วนตัว
นอกจากนี้ ในจังหวัดฉะเชิงเทรายังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากมายที่สามารถแวะท่องเที่ยวได้ เช่น
- วัดโสธรวรารามวรวิหาร: วัดคู่บ้านคู่เมืองอันศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด
- ตลาดบ้านใหม่ร้อยปี: ตลาดริมน้ำบรรยากาศย้อนยุค มีชื่อเสียงด้านอาหารและของฝาก
- ล่องเรือแม่น้ำบางปะกง: ชมทิวทัศน์และวิถีชีวิตริมสองฝั่งแม่น้ำ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: