
กระทรวงการคลังเตรียมใช้ระบบ “Negative Income Tax” ในปี 2570 โดยประชาชนทุกคนจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี เพื่อรับสวัสดิการจากรัฐ
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ระบบใหม่นี้จะให้ทุกคนเข้าระบบภาษี หากมีรายได้ถึงเกณฑ์จะต้องเสียภาษี แต่ถ้ามีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์จะได้รับสวัสดิการ การทำแบบนี้ช่วยให้รัฐบาลรู้จักฐานะและรายได้ของประชาชนมากขึ้น สามารถออกแบบนโยบายการเงินและการคลังให้ตรงกับความต้องการของแต่ละภูมิภาคได้มากขึ้น
ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้เชื่อมโยงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Lake) ครอบคลุมประชาชนกว่า 60.8 ล้านคน และ 6 แสนกิจการแล้ว โดยล่าสุดได้เชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้ข้อมูลสุขภาพประกอบการจัดสวัสดิการอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลจาก 3 กรมจัดเก็บภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต ยังช่วยให้รัฐบาลตรวจสอบและปิดช่องโหว่การหลีกเลี่ยงภาษีได้ดีขึ้น ทำให้จัดเก็บรายได้ของประเทศได้ตามเป้าหมาย
การยื่นภาษีเพื่อรับสวัสดิการจึงเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยให้รัฐบาลมีข้อมูลเพื่อดูแลประชาชนได้ตรงจุด และเพิ่มรายได้ของประเทศในระยะยาว
ถ้ายื่นภาษีแล้ว ต้องเสียภาษีทุกคนไหม
1. ทุกคนต้องยื่นภาษีจริงหรือ?
ตามหลักเกณฑ์ปัจจุบัน แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้บุคคลที่มีรายได้ต้องมีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี (ภ.ง.ด.) แม้ว่าจะไม่ได้มีภาระต้องเสียภาษีก็ตาม เช่น
- คนโสด: มีเงินได้รวมทั้งปีเกิน 120,000 บาท (เฉพาะเงินเดือน) หรือเงินได้อื่น ๆ เกิน 60,000 บาท
- ผู้สมรส: มีเงินได้รวมทั้งปีเกิน 220,000 บาท (เฉพาะเงินเดือน) หรือเงินได้อื่น ๆ เกิน 120,000 บาท
2. ยื่นภาษีแล้วต้องจ่ายภาษีทุกคนไหม?
คำตอบคือ ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีทุกคน เพราะการจะเสียภาษีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ “เงินได้สุทธิ” ซึ่งเป็นยอดเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ แล้ว กฎหมายได้กำหนดให้เงินได้สุทธิในส่วนแรก 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี
ดังนั้น หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบ แต่เมื่อนำไปหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว เงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็ไม่ต้องเสียภาษี
การยื่นแบบภาษีจึงเป็นการยืนยันตัวตนและแสดงรายได้ เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น ระบบสวัสดิการแบบ Negative Income Tax ที่กล่าวถึงในข่าว
ภายใต้ระบบนี้ ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี ไม่ว่าจะมีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีหรือไม่ โดยผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์จะมีสิทธิรับสวัสดิการรัฐ ส่วนผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์จะเสียภาษีตามปกติ ทั้งนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลยังครอบคลุมการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบูรณาการข้อมูลทางการเงินและข้อมูลด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นข้อมูลหลักในการจัดสวัสดิการอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ข้อมูลจากเว็บไซต์ MoneyBuffalo พบว่า ปี 2562 มีผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 11.8 ล้านคน แต่มีเพียง 4.02 ล้านคน ที่เสียภาษี ปี 2563 ยื่นแบบ 10.6 ล้านคน และผู้ที่เสียภาษีจริง 3.95 ล้านคน ปี 2564 ยื่นแบบ 10.3 ล้านคน, มีผู้เสียภาษี 4.17 ล้านคน เมื่อเทียบกับประชากรไทยทั้งหมด (ประมาณ 66 ล้านคน) คิดเป็นสัดส่วนราว 6.31% ของประชากรไทยทั้งหมด
จากข้อมูลนี้ เราเห็นว่าเพียงประมาณ 6–7% ของประชากรไทย ที่เข้าระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเพียง ราว 4 ล้านคน เท่านั้นที่เสียภาษีจริง ๆ
ยื่นภาษีสะดวก ผ่านออนไลน์ เว็บไซต์กรมสรรพากร
ปัจจุบัน กรมสรรพากรได้อำนวยความสะดวก ประชาชนสามารถยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90 สำหรับผู้ที่มีรายได้หลายประเภท เช่น เงินเดือน, รายได้จากการขายของออนไลน์, ค่าเช่า ภ.ง.ด.91: สำหรับผู้ที่มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://efiling.rd.go.th/rd-cms/
ดังนั้นจะอ้างลืมหรือไม่มีเวลาเพื่อไม่ยื่นภาษีไม่ได้ ส่วนขั้นตอนทำได้ง่ายๆ สะดวกรวดเร็ว เข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร (www.rd.go.th) และเลือก “ยื่นแบบออนไลน์” ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษี (ซึ่งคือเลขบัตรประชาชน) และรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบ กรณีไม่เคยยื่นออนไลน์ ต้องสมัครสมาชิกใหม่ก่อน โดยกรอกข้อมูลส่วนตัวและสร้างรหัสผ่าน
เลือกประเภทแบบแสดงรายการภาษี กรอกข้อมูลรายได้และค่าลดหย่อน ระบบจะดึงข้อมูลรายได้และค่าลดหย่อนบางส่วนที่ถูกรายงานให้กรมสรรพากรไว้แล้ว ผู้ยื่นต้องตรวจสอบความถูกต้องและกรอกข้อมูลเพิ่มเติมที่ไม่มีในระบบ ระบบจะคำนวณภาษีที่ต้องชำระหรือได้รับคืนโดยอัตโนมัติ
- กรณีต้องชำระเพิ่ม สามารถชำระผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น พร้อมเพย์, บัตรเครดิต, หรือโมบายแบงก์กิ้ง
- กรณีได้รับคืน กรมสรรพากรจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีที่ได้ลงทะเบียนไว้กับระบบ MyTax Account หรือพร้อมเพย์
สิ่งที่ต้องเตรียม หากเจ้าหน้าที่ขอให้ส่งเอกสารเพิ่มเติม เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ), หลักฐานการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี, หลักฐานการบริจาค, เบี้ยประกันชีวิต หรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ยื่นภาษีประจำปีเมื่อไหร่
โดยปกติการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษีที่ผ่านมา (เช่น รายได้ปี 2567) จะต้องยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป (ปี 2568) แต่หากเป็นการยื่นออนไลน์ จะขยายเวลาไปจนถึงต้นเดือนเมษายนของปีนั้น ๆ
แม้จะยื่นออนไลน์ แต่ผู้ยื่นควรเก็บเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี เผื่อกรณีที่สรรพากรขอตรวจสอบย้อนหลัง
รัฐบาลเก็บเงินจากษีอะไรได้บ้าง
กรมสรรพากรรายงานว่าในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 – สิงหาคม 2567) จัดเก็บภาษีได้ 1,963,205 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการตามเป้าหมายประมาณ 8,482 ล้านบาท หรือ 0.4%
อันดับ 1 ภาษีมูลค่าเพิ่ม : 947,319 ล้านบาท
อันดับ 2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล : 783,290 ล้านบาท
อันดับ 3 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : 415,192 ล้านบาท
อันดับ 4 ภาษีธุรกิจเฉพาะ : 69,094 ล้านบาท
อันดับ 5 ส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ : 55,585 ล้านบาท
อันดับ 6 ภาษีสรรพสามิต : 35,553 ล้านบาท
อันดับ 7 ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม : 33,833 ล้านบาท
อันดับ 8 อากรสแตมป์ : 16,741 ล้านบาท
อันดับ 9 ภาษีศุลกากร : 9,972 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สหรัฐฯ-อินเดีย ตึงเครียด “ทรัมป์” ฟาดภาษีอีก 25% เหตุนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
- นายกแพทองธาร เสียภาษีกี่บาท ผู้เชี่ยวชาญเฉลย หนีภาษีจริงไหม วิโรจน์กล่าวหาแรง
- พิชัย เผยรายการสินค้า เกษตร-พลังงาน แลกดีลภาษีสหรัฐฯ มีผล 7 ส.ค.นี้
ติดตาม The Thaiger บน Google News: