ไขปริศนา พระเจ้าแตงหวาน ผู้นำชนชั้นทาส มีตัวตนอยู่จริง หรือแค่เรื่องแต่ง

เปิดประวัติ และปริศนา พระเจ้าแตงหวาน กษัตริย์ในตำนาน ผู้โค่นล้มอำนาจเก่า ที่นักวิชาการถกเถียงว่ามีอยู่จริง หรือเป็นเพียงนิทานที่ถูกแต่งขึ้น
ในหน้าประวัติศาสตร์กัมพูชา มีเรื่องราวของกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่เต็มไปด้วยปริศนา นั่นคือ สมเด็จพระองค์ชัย หรือที่รู้จักกันดีในพระนาม พระบาทตรอซ็อกผแอม (พระเจ้าแตงหวาน) พระองค์คือบุคคลสำคัญที่ถูกระบุว่าเป็นปฐมกษัตริย์ต้นราชวงศ์ของราชสกุลนโรดม แต่ในขณะเดียวกัน การมีอยู่จริงของพระองค์ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักวิชาการมาจนถึงปัจจุบัน ว่าแท้จริงแล้วพระองค์เป็นเพียงกษัตริย์ในตำนาน หรือเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ผู้เข้ามาเปลี่ยนแปลงอาณาจักรพระนครครั้งใหญ่
ตำนาน แตงหวาน และ หอกลำแพงชัย จากพงศาวดาร
ตามพระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา พระเจ้าแตงหวานมีพระนามเดิมว่า “องค์ชัย” เป็นพระโอรสของเจ้าชายแห่งอาณาจักรจามปาที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลยในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระบิดาของพระองค์ได้ออกบวชเป็นพราหมณ์และได้มอบเมล็ดแตง 3 เมล็ดกับเหล็กก้อนหนึ่งให้แก่องค์ชัย ซึ่งแตงที่ปลูกนั้นมีรสชาติหวานฉ่ำเป็นพิเศษจนเป็นที่เลื่องลือถึงพระกรรณของพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 พระองค์จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าสวนหลวง และโปรดให้นำเหล็กก้อนนั้นไปตีเป็น “พระแสงหอกลำแพงชัย” เพื่อใช้ป้องกันสวน

เหตุการณ์พลิกผันเกิดขึ้นในคืนหนึ่ง เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 เสด็จลงไปในสวนเพื่อจะเก็บแตงมาเสวย แต่องค์ชัยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโจรจึงขว้างพระแสงหอกลำแพงชัยไปถูกพระองค์จนสวรรคต บรรดาขุนนางจึงได้พร้อมใจกันอัญเชิญองค์ชัยขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อไป
ข้อถกเถียงในหมู่นักวิชาการ เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์จริง หรือมีแค่ในนิทาน
อย่างไรก็ตาม ในแวดวงวิชาการสมัยใหม่ยังคงตั้งคำถามถึงการมีอยู่จริงของพระเจ้าแตงหวาน เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์อื่นใดนอกเหนือจากพงศาวดารมาสนับสนุนเลย นักวิชาการกัมพูชาอย่าง ศาสตราจารย์ วง โสเธียรา ได้ทำการศึกษาวิจัยแต่ก็ไม่พบจารึกหรือเอกสารใด ๆ ที่เชื่อมโยงถึงพระองค์ ทำให้เกิดสมมติฐานว่าเรื่องราวของพระองค์อาจเป็นเพียงนิทานที่แต่งขึ้นเพื่อผูกโยงกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระแสงหอกลำแพงชัย หรืออาจเป็นการรวมเรื่องราวของบุคคลสองคน คือ “ตาชัย” ผู้ปลูกแตง กับกษัตริย์ที่มีตัวตนจริงอย่าง “พระบาทศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1” เข้าไว้ด้วยกัน
พระเจ้าแตงหวาน ในฐานะผู้นำการปฏิวัติทาส
อีกหนึ่งทฤษฎีที่น่าสนใจคือ พระเจ้าแตงหวานอาจมีตัวตนอยู่จริง แต่ในฐานะ “ผู้นำการปฏิวัติของชนชั้นทาส” โดยอ้างอิงจากบันทึกของโจว ต้ากวาน ทูตชาวจีนที่ระบุว่าในเมืองพระนครมีทาสจำนวนมหาศาล และในช่วงปี ค.ศ. 1335-1336 ได้เกิดการลุกฮือของทาสขึ้นจริงเนื่องจากการถูกกดขี่ใช้แรงงานอย่างหนัก การที่พระเจ้าแตงหวานซึ่งสืบเชื้อสายจากกษัตริย์จามแต่เติบโตมาในฐานะสามัญชน อาจเป็นผู้นำที่เหมาะสมที่เหล่าทาสชาวจามและกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ จะยกขึ้นมาเป็นผู้นำในการโค่นล้มอำนาจเก่า
ในมุมมองนี้ เรื่องราวการปลงพระชนม์โดยบังเอิญ จึงอาจเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปิดบังเหตุการณ์ “การรัฐประหาร” ที่แท้จริง ซึ่งสอดคล้องกับการที่เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์แล้วได้ทำการกวาดล้างกลุ่มอำนาจเก่าจนเกือบสิ้น และได้ยกเลิกประเพณีการสร้างปราสาทหินซึ่งเป็นการใช้แรงงานทาสอย่างหนัก
การสิ้นสุดรัชสมัยและผลกระทบจากอยุธยา
พงศาวดารระบุว่า พระเจ้าแตงหวานทรงประชวรด้วยพระชราภาพและสวรรคตในปี ค.ศ. 1341 สิริพระชนมายุ 120 ปี ภายหลังการสวรรคต อาณาจักรพระนครต้องเผชิญกับการรุกรานจากกรุงศรีอยุธยาทันทีในรัชสมัยของพระบรมนิพพานบท พระราชโอรสของพระองค์ แต่ในครั้งนั้นอยุธยายังไม่สามารถตีเมืองได้ พระบรมนิพพานบททรงครองราชสมบัติได้เพียง 5 ปีก็ประชวรสวรรคต พระสิทธานราชาผู้เป็นพระอนุชาจึงขึ้นครองราชย์ต่อ และทัพอยุธยาได้ยกทัพกลับไป แต่ 12 ปีหลังการสวรรคตของพระเจ้าแตงหวาน กรุงศรีอยุธยาได้ยกทัพเข้าโจมตีพระนครหลวงอีกครั้ง และในที่สุดกรุงก็แตกในรัชสมัยของพระบรมลำพงษ์ราชา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทหารเขมร ตกใจเสียง F-16 วิ่งหนีสะดุดขอนไม้-หนามตำเท้า จนต้องเข้า รพ.
- รู้จัก เจ้านโรดม สีหมุนี ชายหล่อที่สุดในกัมพูชา ประมุขที่รักของปวงชน
- รอยเตอร์แฉ “ฮุน เซน” คือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุนองเลือดชายแดนไทย-กัมพูชา
ติดตาม The Thaiger บน Google News: