ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพ ตร.สายสืบ F4 จับผู้ต้องหาได้ ถ่ายรูปใส่ฟิลเตอร์ผมยาว

ทำเอาฮือฮาไปทั้งโซเชียล เมื่อมีการแชร์ภาพของ ตำรวจสายสืบ F4 ที่จับผู้ต้องหาได้ ก่อนถ่ายรูปโดยใส่ฟิลเตอร์ผมยาว ออกมาคล้ายซีรีส์ดังในตำนาน
เรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อเพจเฟซบุ๊กของ งานสืบสวน สภ.ลำดวน ได้โพสต์ภาพของเจ้าหน้าที่ขณะจับกุมยาเสพติด พร้อมเขียนข้อความว่า “ความรักก็เหมือนยาเสพติดมีสิทธิ์ได้รับแต่ไม่อนุญาตให้ครอบครอง”
นอกจากแคปชั่นที่ถือว่าถูกใจคนใช้โซเชียลในยุคนี้ แต่อีกหนึ่งจุดที่เรียกความสนใจไปจนหมดนั่นก็คือ ภาพของตำรวจสายสืบทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้ต้องหา ซึ่งทุกคนถูกเอาไปใส่ฟิลเตอร์ผมยาว จนทำให้ตำรวจทั้ง 4 นายมีผมยาวสลวยสวยเก๋ จนชาวเน็ตบอกว่า “นี่มัน F4 ชัดๆ”
ก่อนที่จะภายหลัง ส.ต.ท.อภิวัฒน์ ชูรัตน์ อายุ 28 ปี ผบ.งาน(สืบสวน) สภ.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมากล่าวถึงภาพที่เอาไปวางในเพจว่า ภาพตำรวจผมยาวทั้ง 4 คนมี ส.ต.ต.ปุรเชษฐ์ ปิ่นทองคุณาวาท ผบ.หมู่งาน (สืบสวน),ส.ต.อ.ศราวุธ มะโนรัตน์ ผบ.หมู่งาน (สืบสวน) และ ส.ต.ต.จักรภูมิ เปลี่ยนรัมย์ ผบ.หมู่งาน (สืบสวน) และตนเอง(ส.ต.ท.อภิวัฒน์ ชูรัตน์)
นอกจากนี้ยังบอกว่าทั้ง 4 คนกำลังเร่งปราบปรามยาเพสติดอย่างหนักตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ส่วนรูปที่เอามาลงเพจนั้น เพื่อเป็นการแจ้งเตือนเรื่องยาเสพติดให้กับกลุ่มเยาวชน จึงตัดสินใจใช้ภาษาที่ทันสมัยขึ้น ส่วนภาพที่ใช้ฟิลเตอร์ผมยาวใส่เอาไว้นั้น ไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจมากขนาดนี้ เพราะบางภาพมีคนแชร์เป็นหลัพันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่าที่ทำไปไม่ได้เป็นการล้อเลียนผู้ต้องหาแต่อย่างใด แต่ต้องการให้เยาวชนได้เห็นโทษของยาเสพติดว่าถูกตับแล้วต้องดำเนินคดีอย่างไร เสียอนาคตอย่างไร
ทั้งนี้ ส.ต.ท.อภิวัฒน์ ยอมรับว่าในช่วงแรกไม่เข้าใจว่าทำไมมีแต่คนมาคอมเมนต์ว่า F4 จนต้องเข้าไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต จนพบว่า F4 คือบอยแบนด์สัญชาติไต้หวัน ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้างเราจากซีรีส์ รักใสใส่หัวใจ 4 ดวง (Meteor Garden) ที่ออกอากาศเมื่อปี 2001 และโด่งดังไปทั่วเอเชีย รวไมปถึงประเทศไทย
อ้างอิง : 1
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อ.ปัว อ่วม “พายุวิภา” ทำฝนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน แม่น้ำน่านใกล้ล้นตลิ่ง
- พี่สาวน้องเมย พูดแล้ว จำเลยคดีทำร้ายร่างกายไม่ใช่คนนี้ หลังศาลเผยคำตัดสิน
- ปิดคดีดัง! สาวซิ่ง BMW ชน 3 แม่ลูกดับ ยอมจำนน จ่าย 5.5 ล้าน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: