อ่านฎีกาพรุ่งนี้ คดีน้องเมย นร.เตรียมทหารเสียชีวิตในค่าย หลังต่อสู้ 7 ปีเต็ม

แม่น้องเมย เผย อ่านฎีกาพรุ่งนี้ คดีน้องเมย คดีแรก นักเรียนเตรียมทหารเสียชีวิตในค่าย หลังต่อสู้ 7 ปีเต็ม
วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวไทยเกอร์รายงาน คุณสุกัญญา ตัญกาญจน์ แม่ของ “น้องเมย” นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตภายในโรงเรียนเตรียมทหารเมื่อปี 2560 ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า วันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) เวลา 08.30 น. ศาลทหาร มทบ.12 ปราจีนบุรี นัดอ่านคำพิพากษาคดีแรกของน้องเมย ซึ่งเป็นการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมยาวนานเกือบ 7 ปี นับตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรม
ในโพสต์ของแม่ ระบุว่า “โจทก์ มาร้องทุกข์แทนใคร … ?
แทนลูกชาย นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจ์
ทำไมถึงร้องแทน นตท.ภคพงศ์ ไปไหน
[ ปากสั่น กัดฟันแทบแตก
น้ำตาไหลย้อนลงสู่ด้านในหัวใจ ]
” ต า ย แ ล้ ว ”
[ เหมือนมีดกรีดผ่าหัวใจ ให้แม่ตายทั้งเป็น ]
เกือบ ๘ ปี คดีแรก ” ฏีกาอ่านพรุ่งนี้ ”
ศาลมทบ.๑๒ ปราจีนบุรี ๐๘:๓๐ น”
ย้อนคดี “น้องเมย” กับการเสียชีวิตปริศนาในรั้วโรงเรียนเตรียมทหาร
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารปี 1 เสียชีวิตภายในโรงเรียนเตรียมทหาร จังหวัดนครนายก โดยทางกองทัพระบุว่าเป็น “การเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน” แต่ครอบครัวไม่ปักใจเชื่อจึงขอให้มีการชันสูตรซ้ำ และพบว่ามีร่องรอยกระดูกซี่โครงหัก ซี่โครงซ้ายหัก 4 ซี่ ไหปลาร้าหัก มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย ต่อมาแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดีให้ความเห็นว่าอวัยวะบางส่วนหายไปจากร่าง (ถูกนำออกไปเก็บรักษาไว้โดยไม่ได้แจ้งญาติ)
ครอบครัวได้มีการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. และยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งให้พิจารณาว่าเป็นการเสียชีวิตที่เกิดจากการกระทำของผู้อื่นในระหว่างฝึกในค่ายทหาร มีการพาดพิงถึง “ระบบซ่อม” ซึ่งเป็นการลงโทษรุ่นน้องโดยรุ่นพี่อย่างรุนแรง
มารดาของน้องเมยเปิดเผยว่า ก่อนหน้าเหตุเสียชีวิตประมาณ 2 เดือน น้องเมยเคยถูกลงโทษธำรงวินัย โดยถูกสั่งให้เอาศีรษะปักพื้นในห้องน้ำของนายทหาร จนเกิดอาการช็อกหมดสติและต้องปั๊มหัวใจยื้อชีวิต โชคดีที่ฟื้นขึ้นมาได้ในครั้งนั้น ซึ่งครอบครัวไม่ได้เอาเรื่องกับผู้กระทำในตอนนั้นเพราะตัวน้องเมยเองไม่ติดใจเอาความ
เปิดผลชันสูตรเทียบ กองทัพ-หน่วยงานพลเรือน
วันที่ 15 ธันวาคม 2560 พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร (ประธานคณะกรรมการสอบสวนฯ) ได้แถลงสรุปผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการว่า ไม่พบหลักฐานว่ามีนักเรียนหรือเจ้าหน้าที่คนใดสั่งลงโทษหรือทำร้ายร่างกายน้องเมยตลอดทั้งวันที่ 17 ตุลาคม 2560 อันอาจเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยผลชันสูตรของสถาบันพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (ฝ่ายทหาร) สรุปว่าไม่พบร่องรอยฟกช้ำภายนอกร่างกายที่บ่งชี้ถึงการทำร้าย
ส่วนกระดูกซี่โครงที่หักนั้น คณะกรรมการฯ ระบุว่าอาจเกิดจากการทำ CPR เพื่อกู้ชีพที่ต้องใช้แรงกดเป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมง และพบว่ากล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนของผู้ตายมีความผิดปกติซึ่งพบได้น้อยในคนวัยเพียง 18 ปี แพทย์จึงลงความเห็นว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ไม่ใช่การถูกทำร้าย
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังนำภาพจากกล้องวงจรปิดและคำให้การของพยานกว่า 42 ปากมายืนยันว่าในวันเกิดเหตุ (17 ต.ค. 60) น้องเมยมีอาการป่วยเป็นลมคล้ายภาวะ ไฮเปอร์เวนติเลชัน (หายใจเกินระดับจนร่างกายขาดสมดุล) ขณะเดินกลับจากอาคารกองพันไปยังอาคารกองแพทย์ ช่วงเวลาประมาณ 10 โมงเช้า จากนั้นเพื่อนปีหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ได้รีบตามเจ้าหน้าที่พยาบาลมาช่วยเหลือ และพาน้องเมยกลับไปพักรักษาตัวที่กองแพทย์จนอาการดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันอาการน้องเมยทรุดลงอีกครั้ง จึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (นครนายก) เมื่อเวลาประมาณ 16.42 น. และทีมแพทย์ได้ทำการ CPR นานถึง 4 ชั่วโมงก่อนจะยุติการช่วยเหลือเมื่อไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้
คณะกรรมการสอบสวนฯ ยืนยันว่าไม่มีการลงโทษหรือซ่อมใดๆ ที่เกินกว่าเหตุในวันที่เกิดเหตุ และเชื่อว่าการเสียชีวิตเกิดจากสภาพร่างกายของผู้ตายเองเป็นหลัก ทั้งนี้ในวันถัดมา (18 ธ.ค. 60) กองทัพไทยได้นัดหมายเชิญครอบครัวตัญกาญจน์เข้ารับฟังคำชี้แจงผลสอบสวนฉบับเต็มอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ฝ่ายทหารยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวและไม่มีการทำร้าย ทางครอบครัวและหน่วยงานนิติเวชพลเรือน (เช่น สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม) กลับพบหลักฐานการบาดเจ็บหลายอย่างที่ก่อให้เกิดข้อสงสัย เช่น รอยช้ำบริเวณลำคอเหนือกระดูกไหปลาร้าทั้งซ้ายและขวา ซึ่งแพทย์และพนักงานสอบสวนเห็นตรงกันว่าเข้าข่ายลักษณะถูกล็อกคอ, และ กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงซ้ายมีรอยฟกช้ำคล้ายถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกจากด้านหน้า
นอกจากนี้ภาพถ่ายร่างกายน้องเมยก่อนเสียชีวิตที่ครอบครัวนำมาให้ตรวจสอบ ก็ปรากฏรอยฟกช้ำหลายแห่งซึ่งเชื่อว่าสัมพันธ์กับการฝึกหนักและการถูกธำรงวินัยที่รุนแรงเกินควร
ข้อมูลเหล่านี้ยิ่งสนับสนุนครอบครัวว่าน้องเมยเชื่อข้อสันนิษฐานว่าอาจถูกทำร้ายหรือถูก “ซ่อม” อย่างหนักหน่วงจนเป็นเหตุให้ร่างกายรับไม่ไหว แต่เนื่องจากผลชันสูตรจากสองสถาบัน (ฝ่ายทหาร vs. ฝ่ายยุติธรรม) ขัดแย้งกัน ทำให้พนักงานสอบสวนต้องทำหนังสือถึง แพทยสภา เพื่อประสานให้สมาคมแพทย์นิติเวชฯ จัดผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความเห็นกลางว่าแท้จริงแล้วการเสียชีวิตครั้งนี้ถือเป็นการตายผิดธรรมชาติหรือไม่ โดยถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะนำไปสู่การดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ความคืบหน้าทางคดี ปี 2561-2566 คดีเดินทางผ่านกระบวนการของศาลแพ่ง โดยครอบครัวเรียกร้องค่าเสียหายและความรับผิดจากกระทรวงกลาโหม ตุลาคม 2566 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้กระทรวงกลาโหมชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ครอบครัว กรกฎาคม 2568 คดีเข้าสู่ชั้นฎีกา โดยศาลทหาร มทบ.12 ปราจีนบุรี อ่านฎีกาอ่านคำพิพากษาในวันที่ 22 ก.ค. 2568 เวลา 09.30 น.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อย่าเข้าใจผิด เกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ 67 พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
- อ.เจษฎา ถามจะดัน สุราก้าวหน้า-ยกเลิกเกณฑ์ทหาร พรรคข้ามขั้วเอาด้วยหรอ?
- เดนมาร์ก เริ่มบังคับ ผู้หญิงเกณฑ์ทหาร อายุ 18 ปีขึ้นไป รับมือภัยคุกคามยุโรป
ติดตาม The Thaiger บน Google News: