ย้อนคดีฉาว 30 ปี พระนิกร-อรปวีณา ปมสัมพันธ์ลับ กับการต่อสู้นับทศวรรษ

ย้อนมหากาพย์คดีดังกว่า 30 ปี พระนิกร พระนักเทศน์ชื่อดัง กับ สีกาอรปวีณา ซึ่งมีบุตรด้วยกันจนต้องปาราชิก ก่อนคดีพลิกถูกฟ้องและศาลตัดสิน มีความผิดฐานแจ้งความเท็จ หลังการต่อสู้ยาวนาน 10 ปี
ท่ามกลางกระแสข่าวอื้อฉาวของ สีกากอล์ฟ ที่กำลังสั่นสะเทือนวงการสงฆ์อยู่ในขณะนี้ ได้ทำให้หลายคนหวนนึกถึงมหากาพย์คดีดังในอดีตเมื่อกว่า 30 ปีก่อน นั่นคือเรื่องราวของ พระนิกร ธรรมวาที พระนักเทศน์ชื่อดังแห่งยุค กับ สีกาอรปวีณา บุตรขุนทอง ซึ่งเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน บานปลายไปสู่การต่อสู้ในชั้นศาลยาวนานถึง 10 ปีเต็ม และกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่คนไทยยังคงจดจำมาจนถึงทุกวันนี้
ในปี 2533 ชื่อของ พระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที เจ้าอาวาสวัดสันปง จ.เชียงใหม่ โด่งดังไปทั่วประเทศในฐานะพระนักเทศน์ที่มีลีลาจับใจ และมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย แต่แล้วชื่อเสียงของท่านก็ต้องสั่นคลอน เมื่อหญิงสาวชื่อ อรปวีณา ได้ออกมาร้องเรียนต่อสื่อว่า เธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระนิกรจนมีบุตรด้วยกัน 1 คน ซึ่งในตอนแรกพระนิกรได้ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขัน ทำให้สังคมแตกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพระนิกร และฝ่ายที่เรียกร้องให้มีการพิสูจน์ความจริง
แม้จะมีการปฏิเสธ แต่ฝ่ายของอรปวีณาก็ได้นำหลักฐานออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ ทั้งจดหมายรักและภาพถ่ายส่วนตัวที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลย จนกระทั่งนำไปสู่การตรวจพิสูจน์ DNA ซึ่งผลก็ยืนยันอย่างชัดเจนว่าพระนิกร คือบิดาของลูกอรปวีณาจริง ทำให้คณะสงฆ์มีมติว่าท่านต้องอาบัติ ปฐมปาราชิก จากการเสพเมถุน ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรงที่สุดและต้องขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที
เรื่องราวที่ควรจะจบลง กลับพลิกผัน เมื่อพระนิกรที่เปลี่ยนมานุ่งขาวห่มขาว ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอรปวีณาและพวกในข้อหากรรโชกทรัพย์ โดยอ้างว่าตนเองถูกลักพาตัว ถูกใช้ปืนข่มขู่ บังคับให้เปลี่ยนชุดเป็นฆราวาสเพื่อถ่ายภาพ และถูกเรียกเงินถึง 5 ล้านบาทเพื่อแลกกับการไม่เปิดโปงเรื่องราว ทำให้คดีพลิกกลับตาลปัตร อรปวีณากลายเป็นผู้ต้องหาและถูกจับกุม
อรปวีณาได้ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยฟ้องกลับอดีตพระนิกรในข้อหาแจ้งความเท็จ ฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จ การต่อสู้ทางกฎหมายของทั้งสองฝ่ายดำเนินไปอย่างยาวนานและเข้มข้น ผ่านกระบวนการศาลถึง 3 ศาล และใช้ระยะเวลายาวนานถึง 10 ปีเต็ม
ในที่สุดมหากาพย์คดีนี้ก็ได้เดินทางมาถึงบทสรุปในปี 2541 เมื่อศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า อรปวีณาไม่มีความผิด ในข้อหากรรโชกทรัพย์ และในทางกลับกันได้ตัดสินว่า อดีตพระนิกรมีความผิดจริง ในข้อหาแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ให้ลงโทษจำคุก 22 เดือน และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ
หลังจากพ้นโทษ อดีตพระนิกรได้เปลี่ยนชื่อเป็น นายธรรมรัตน์ และกลับไปใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ นุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรมที่สำนักในเชียงใหม่ จนกระทั่งเสียชีวิตลงในวัย 61 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2557 ปิดฉากตำนานพระนักเทศน์ชื่อดังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันซับซ้อนและเป็นอุทาหรณ์มาจนถึงปัจจุบัน
ที่มา: FB/ เชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น
ขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แพรรี่ ไพรวัลย์ ฟาด สีกากอล์ฟ หยุดอ้าง “ทำเพื่อลูก” ผลาญเงินร้อยล้านเล่นพนันหมดตัว
- พระมหาทิวากร เจ้าอาวาส วัดใหญ่จอมปราสาท ลาสึกเงียบ หลังหายตัวจากวัดหลายวัน
- อนุญาตประกันตัว อดีตพระพรหมเมธี วางเงินสด 4 แสน เหตุเป็นพระชั้นผู้ใหญ่
ติดตาม The Thaiger บน Google News: