เจ้าของคอนโดหรูย่านกะตะ แจงที่ดินถูกต้อง อยู่นอกเขตป่าไม้ ไม่ทับลำราง ยันสร้างต่อจนเสร็จ
เจ้าของคอนโดหรูในพื้นที่กะตะ แจงที่ดินถูกต้อง /อยู่นอกเขตป่าไม้ ไม่ทับลำราง ยันสร้างต่อจนเสร็จ
เจ้าของโครงการคอนโดหรูในพื้นที่กะตะ แจงที่ดินซื้อมาถูกต้อง อยู่นอกเขตป่าไม้ เดินหน้าสร้างต่อจนเสร็จส่งมอบลูกค้าแน่ ส่วนการฟ้องร้องเป็นเรื่องของเจ้าของที่ดินเดิม ไม่เข้าไปก้าวก่าย
นายมนัสนันท์ นรารัตนวี กรรมการผู้จัดการบริษัทกะตะ บีช จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ กล่าวชี้แจง กรณีที่ชาวบ้านและผู้ประกอบการบ้านกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รวมตัวกันแสดงสัญลักษณ์ด้วยการชูป้ายเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติโครงการก่อสร้างคอนโด โดยอ่าวว่า เป็นพื้นที่ที่ศาลปกครอง จ .นครศรีธรรมราช เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก.เนื้อที่ 17 ไร่เศษ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา
ว่า ที่ดินแปลงของโครงการเป็นที่ดิน น.ส.3 ก. ซึ่งทางบริษัทมาซื้อที่ดินจากเจ้าของเดิม ซึ่งตนเป็นมือที่ 4 ที่มีการขายต่อๆกันมา ซื้อมาในราคา 434 ล้านบาท ซื้อมาเมื่อปี 2560 หลังจากซื้อที่ดินแปลงนี้มาก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ทั้งเรื่องของการออกแบบ ขออนุญาตก่อสร้าง ทำเรื่องของการการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตามขั้นตอน ต่อมาภายหลังทราบว่าที่ดินแปลงนี้มีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาลปกครอง จ.นครศรีธรรมราช เป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นการฟ้องร้องระหว่างเจ้าของที่ดินเดิม 2 ราย และ ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ชั้นตนได้ตัดสินว่าต้องเพิกถอนที่ดินแปลงนี้จริง หลังจากทราบว่ามีการเพิกถอนก็ได้มีการสอบถามไปยังทนาย และ ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายว่าสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้เป็นอย่างไร
โดยได้รับการยืนยันว่าสิทธิ์ในที่ดินมีเหมือนเดิม แม้ว่าจะมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีการเพิกถอนแต่ขณะนี้ที่ดินแปลงนี้กำลังอยู่ในระหว่างการอุทรณ์ ต่อศาลปกครองสูงสุด ที่ดินแปลงนี้ก็จะยังคงสภาพ น.ส.3 ก.ถูกต้องตามกฎหมายเหมือนเดิม ซึ่งการยื่นอุทรณ์ ยังไม่ทราบว่าจะมีผลออกมาอย่างไร ที่ดินแปลงนี้จึงยังชอบธรรม ตนจึงต้องอาศัยกรอบกฎหมายที่ที่ดินมีถูกต้อง จึงใช้ที่ดินที่ได้มาจากการซื้อขายที่ถูกต้องพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่อไป เนื่องจากซื้อที่ดินต่อมาเป็นบุคคลที่ 4 ส่วนคดีที่ฟ้องร้องกันนั้นเค้ามีมาก่อนทางตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตนเป็นคนสุดท้ายที่มาซื้อตอนหลัง กรณีข้อพิพาทระหว่างโจทย์และจำเลยในคดีเดิม เราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ทราบเท่าที่คำพิพากษายังไม่สิ้นสุด ที่ดินแปลงนี้ก็ยังมีความชอบธรรมเหมือนเดิม
ส่วนประเด็นต่อมาถ้ามาดูกันจริงๆ ผู้เสียหายที่แท้จริง คือตน ซึ่งเป็นมือที่ 4 ที่มาซื้อที่ดินแปลงดังดังกล่าว สิทธิ์ในทางคดีเรายังมีเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าปลายทางแล้วผลจะออกมาอย่างไร สิทธิ์ของเราก็ยังมีเหมือนเดิม เพราะเรายังไม่ได้เข้าไปสู่ขบวนการของคดี และ มีสิทธิ์ที่จะใช้ขบวนการทางกฎหมายในการฟ้องร้องหรือยื่นต่อศาลขอความเป็นธรรมและมีสิทธิ์ที่จะนำเรื่องขึ้นสู่ศาลเพื่อขอให้ศาลพิจารณาใหม่ได้ ซึ่งขบวนการนั้นเป็นขบวนการที่ยังไปไม่ถึง
นายมนัสนันท์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่ตนต้องออกมาชี้แจง ก็เพื่อทำความเข้าใจกับสังคม และ ลูกค้าที่ซื้อโครงการไปแล้ว เพราะสังคมและลูกค้าบางสวนที่ซื้อมีความเข้าใจคลาดหลังเกิดข่าวขึ้นและไม่มั่นคิดว่าโครงการไม่ถูกต้อง และไม่สร้างต่อ โดยตอนนี้ได้ทำความเข้าใจกับลูกค้าทั้งหมด และยืนยันว่าทางโครงการสร้างต่อแน่นอน ซึ่งตอนนี้ได้ขายโครงการไปทั้งหมดแล้วจำนวน 400 กว่า ยูนิต และ เหลือเพียง 3 ยูนิต ที่ไม่ขาย ส่วนการก่อสร้างโครงการมีความคืบหน้าไปแล้ว 70 % .ในส่วนของโครงสร้างอาคาร และคาดว่าจะส่งมอบให้ลูกค้าในภายใน 1 ปี ครึ่ง หลังจากนี้
อย่างไรก็ตามอยากให้สังคมและลูกค้าเชื่อใจว่าทางโครงการดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้แต่เรื่องของที่ดินก็สามารถตรวจสอบได้ว่าที่ดินแปลงนี้ ไม่อยู่ในพื้นที่ป่าอย่างแน่นอน ซึ่งได้มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน และไม่อยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำด้วย ซึ่งดูได้จากสภาพพื้นที่ ซึ่งไม่เห็นว่ามีป่าต้นน้ำในพื้นที่ ไม่มีลำรางอยู่ในที่ดิน และการได้ที่ดินแปลงนี้เราได้มาอย่างชอบธรรม และ อย่างที่ทราบที่ดินแปลงนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลไม่ควรที่จะเข้าไปชี้นำขบวนการของศาล ทราบใดที่คำพิพากษาไม่ออกมาอย่างเพิ่งเร่งด่วนไปตัดสิน เพราะอาจจะไปส่งผลกระทบต่อบุคคลที่เป็นข้าราชการที่เกี่ยวข้องกันทางกฎหมาย ซึ่งมีการดำเนินการมาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และยืนยันว่าสิทธิ์ในที่ดินเรายังมีเหมือนเดิม ที่บุคคลที่ถูกกล่าวถึงถูกสังคมประณามไปแล้วทั้งๆที่การดำเนินโครงการทำตามกรอบกฎหมายอย่างชัดเจน
ตนเชื่อว่าตอนนี้โครงการนี้เป็นโครงการที่สังคมกำลังจับตามอง ถ้าตนทำอะไรผิดแม้แต่นิดเดียวเชื่อว่าผู้ที่จับจ้องจะต้องยกมาเป็นประเด็นเพื่อยับยั้งโครงการอย่างแน่นอน ซึ่งมาจนถึงวันนี้การที่หน่วยงานของรัฐยังไม่สั่งหยุดและอนุญาตให้ทำต่อไม่ใช่เพราะหน่วยงานของรัฐเข้ามาเอื้อ แต่เป็นเพราะโครงการทำถูกต้องทุกอย่างและอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถที่จะมาสั่งระงับได้ รวมถึงเรื่องความลาดชันไม่เกินจากที่กฎหมายกำหนด
สำหรับโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีมูลค่าโครงการ 21,000 ล้านบาท สร้างเป็นอาคารคอนโด 8 ตึก และ วิลล่าจำนวน 46 ยูนิต รวมทั้งหมด 435 ห้องชุด