ศาลสั่งจำคุก 2 ครูฝึก 11 รุ่นพี่ ทำร้ายทหารเกณฑ์ เสียชีวิต หนักสุด 20 ปี

ศาลอาญา อ่านคำพิพากษา คดี “พลทหารวรปรัชญ์” ถูก 2 ครูฝึกและ 11 รุ่นพี่ ทำร้ายจนเสียชีวิต จำคุกจำเลยตั้งแต่ 10 ปี จนถึง 20 ปี
วันนี้ (27 พ.ค.) ทนายเกิดผล แก้วเกิด โพสต์เฟซบุ๊กอัปเดตคดีที่พลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล สังกัดหน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ที่ถูก 2 ครูฝึกและ 11 รุ่นพี่ที่เป็นผู้ช่วยครูฝึก ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส สมองบวม ซี่โครงหัก 2 ข้าง ปอดฉีก ปอดรั่ว ไหปลาร้าหัก กระดูกสันหลังหัก ก่อนเสียชีวิตเวลาต่อมา ทั้งที่พึ่งเกณฑ์ทหารไม่ถึง 3 เดือน
ต่อมาพนักงานอัยการ ได้ยื่นฟ้อง ครูฝึกและผู้ช่วยครูฝึกรวมทั้งหมด 13 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทรมานและป้องกันการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ 2565 มาตรา 5 ซึ่งวันนี้มีการอ่านผลคำพิพากษาโดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ดังนี้
“จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นครูฝึกทหารใหม่ ของค่ายนวมินทร์ โดยมีจำเลยที่ 3 ถึง 13 เป็นทหารเกณฑ์และได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นผู้ช่วยครูฝึกทหารเกณฑ์ ร่วมกันทำร้าย ผู้ตาย หลายครั้ง หลายเวลา ต่างกรรมต่างวาระ อย่างทารุณโหดร้าย จน ผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อ เนื่องจากพยานส่วนใหญ่เป็นทหารใหม่และเป็นทหารเกณฑ์ในค่ายนวมินทร์ที่จำเลยทั้ง 13 สังกัดอยู่ และเห็นเหตุการณ์ซึ่งถือว่าเป็นประจักษ์พยานโดยตลอด หากไม่เป็นความจริง พยานซึ่งเป็นทหารเกณฑ์และเป็นทหารใหม่ก็คงไม่กล้าใส่ความหรือใส่ร้ายป้ายสีทั้งไม่มีสาเหตุโกรธเครื่องกับจำเลยทั้ง 13 แต่อย่างใด

นอกจากนั้น คำให้การ ของจำเลย ทั้ง 13 ก็ยังมีพิรุธสงสัย และมีการต่อสู้โดยปฏิเสธลอยๆ ทั้งๆที่ ในชั้นพัฒนาสอบสวนเมื่อ พระนเรศวรแจ้งข้อหาว่า จำเลยทั้ง 13 เรื่องการทำร้ายร่างกาย พลทหาร ให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยทั้ง 13 ให้การรับสารภาพ โดยไม่ให้รายละเอียดใดๆ
แต่ต่อมาภายหลังจากที่พลทหารเสียชีวิต เมื่อพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา เพิ่มเติม เป็นข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จำเลยทั้ง 13 ก็ให้การปฏิเสธลอยๆ โดยไม่ให้รายละเอียด
ซึ่งในทางพิจารณาคดี พยานหลักฐานทของโจทก์และของจำเลยก็รับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 13 ได้มีส่วนร่วมกันกระทำความผิดจริงตามฟ้อง เพียงแต่ต่างคนต่างทำ แต่ระยะเวลาและสถานที่ชัดเจนที่สุดว่าพลทหารเสียชีวิตในเวลาต่อมาเกิดจากการกระทำรุนแรงของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นครูฝึกได้ใช้ไม้ ทำร้ายโดยการทุบตี พลทหารจนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
ศาลจึงมีคำพิพากษา ว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 13 มีความผิดตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ 2565 มาตรา 5 และมาตรา 35 วรรค 3 พิพากษา จำคุก จำเลยที่ 1 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 15 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 ถึง 13 คนละ 10 ปี”
อย่างไรก็ตาม “ทนายเกิดผล” ระบุว่าพ่อแม่พลทหารที่เสียชีวิตยังติดใจคำพิพากษา เนื่องจากเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโทษน้อยเกินกว่าที่กระทำ ควรได้รับโทษมากกว่านี้ และจะได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป ส่วนคดีแพ่งนั้น หลังคำพิพากษาได้แล้ว ตนจะจะยื่นฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลยเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนให้กับพ่อแม่ของน้อง ตามกฎหมายต่อไปเช่นกัน

ขณะเดียวกัน นิชนันท์ วังคะฮาต อดีตผู้สมัคร สส. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงผลคำพิพากษาข้างต้นว่า “ขอบคุณผู้พิพากษาและกระทรวงยุติธรรม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย ผู้เสียหาย หรือ ผู้ถูกกระทำสามารถยื่นขอรับเงินเยียวยาจำนวนเงิน 500,000 บาทจาก กระทรวงยุติธรรม ผู้ปกครองจะยื่นฟ้องคดีแพ่ง กับ กองทัพบก กระทรวงกลาโหม เรียกค่าเสียหายต่อไป เป็นอีกหนึ่งกรณีการเสียชีวิตของทหารเกณฑ์ในค่ายทหารที่เกิดขึ้นในสังคมไทย”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยอมมอบตัวแล้ว ทหารพราน ยิงเพื่อนร่วมกองร้อยดับ 1 เจ็บ 4
- ทหารเรืออินโดฯ ยึดเรือธงไทย พบยาเสพติดมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท
- จับทหารเกณฑ์หื่น รุมโทรมเด็กหญิง 16 ในค่ายทหาร หนีลอยนวลนาน 10 ปี
ติดตาม The Thaiger บน Google News: