ข่าว

วิบากกรรม ประยุทธ มหากิจศิริ คุก 24 ปี ลูกสาว 12 ปี ไม่ได้ประกันตัว

วิบากกรรม ประยุทธ มหากิจศิริ คุก 24 ปี ลูกสาว 12 ปี คดีออกเอกสารสิทธิมิชอบ ไม่ได้ประกันตัว

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ศาลคดีทุจริตฯ จังหวัดสุรินทร์ ได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ยื่นฟ้อง อดีตเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มเอกชนรวม 11 ราย ในข้อหาทุจริตเกี่ยวกับที่ดินในอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา

ผู้ถูกฟ้องร้องในคดีนี้ประกอบด้วย

นายกฤษณะพงศ์ พู่สกุลสถาพร อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาสีคิ้ว

นายเทียมศักดิ์ จินดา อดีตนายช่างรังวัด ซึ่งเคยทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายรังวัด

นายชายธง ณ สงขลา

นายภักดี ภักดีเมฆ อดีตนายช่างสำรวจ สังกัดสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) นครราชสีมา

นายประทีป แสวงลาภ

บริษัท เลควูดคันทรี่คลับ จำกัด

บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันคือ บริษัท โพสโค ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน))

นายฌ็อง ปอล เทเวอรแน็ง (สัญชาติฝรั่งเศส) กรรมการผู้มีอำนาจของ บมจ. ไทยน๊อคซ์ฯ

น.ส. อุษณา มหากิจศิริ (ลูกสาวนายประยุทธ มหากิจศิริ)

นายประยุทธ มหากิจศิริ กรรมการและผู้บริหารระดับสูงของ บมจ. ไทยน๊อคซ์ฯ

นายจิเทนเดอร์ พอล เวอร์มา

คดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่ ป.ป.ช. พบว่ากลุ่มเอกชน รวมถึงนายประยุทธและ น.ส. อุษณา ได้ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการดำเนินการรังวัดสอบเขตที่ดินโดยมิชอบ มีการขยายเนื้อที่ของโฉนดที่ดินเดิมให้ครอบคลุมไปถึงที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งบางส่วนอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) และเขตป่าสงวน เพื่อนำไปใช้ก่อสร้างโครงการ “เมาน์เทน ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์” ในจังหวัดนครราชสีมา การกระทำดังกล่าวถือเป็นการร่วมกันกระทำความผิดในฐานะ “ผู้สนับสนุน” เจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ศาลพบว่าจำเลยหลายรายมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา โดยสรุปได้ดังนี้

จำเลยที่ 1 (นายกฤษณะพงศ์) มีความผิดหลักๆ 2 ข้อหา

  • ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เกี่ยวข้องกับการรังวัดตรวจสอบเนื้อที่ดิน น.ส.3ก. จำนวน 6 แปลง ใน อ.สีคิ้ว ทำให้รัฐหรือผู้อื่นเสียหาย (ผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 151 เดิม) – รวม 6 กระทง (การกระทำผิด 6 ครั้ง)ฃ
  • เรียกรับสินบน (ผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 149 เดิม) – รวม 1 กระทง

รวมความผิดทั้งสิ้น 7 กระทง

จำเลยที่ 2 (นายเทียมศักดิ์): มีความผิดคล้ายคลึงกับจำเลยที่ 1

  • เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ช่วยเหลือให้เกิดการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตในการรังวัดที่ดิน 6 แปลง (ผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 151 เดิม ประกอบมาตรา 86 ว่าด้วยผู้สนับสนุน) – รวม 6 กระทง
  • เรียกรับสินบน (ผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 149 เดิม) – รวม 1 กระทง

รวมความผิดทั้งสิ้น 7 กระทง

จำเลยที่ 3 (นายชายธง) และ จำเลยที่ 4 (นายภักดี) มีความผิดฐาน ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (ผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 เดิม) คนละ 2 กระทง

จำเลยที่ 5 (นายประทีป), จำเลยที่ 6 (บจก. เลควูดฯ), จำเลยที่ 7 (บมจ. ไทยน๊อคซ์ฯ), จำเลยที่ 8 (นายฌ็อง ปอล), จำเลยที่ 9 (น.ส. อุษณา), จำเลยที่ 10 (นายประยุทธ), และ จำเลยที่ 11 (นายจิเทนเดอร์) ส่วนใหญ่มีความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เกี่ยวกับการรังวัด สอบเขต หรือแบ่งแยกที่ดิน (ผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 151 เดิม ประกอบมาตรา 86) โดยมีจำนวนกระทงความผิดแตกต่างกันไป ตั้งแต่ 1 ถึง 6 กระทง

ศาลชี้ว่า แม้ปัจจุบันจะมีกฎหมายแก้ไขใหม่ที่กำหนดโทษหนักขึ้นสำหรับความผิดเหล่านี้ แต่ในกรณีนี้ต้องใช้กฎหมายฉบับเดิมที่บังคับใช้อยู่ในขณะเกิดเหตุ ซึ่งมีโทษเบากว่า และเป็นคุณแก่จำเลยมากกว่าตามหลักกฎหมาย

ศาลตัดสินลงโทษจำเลยแต่ละรายตามความผิดที่ได้กระทำ โดยแยกเป็นรายกระทง ดังนี้

จำเลยที่ 1 (นายกฤษณะพงศ์): จำคุกรวม 42 ปี (จากความผิด 7 กระทง)

จำเลยที่ 2 (นายเทียมศักดิ์): จำคุกรวม 30 ปี (จากความผิด 7 กระทง)

จำเลยที่ 3 (นายชายธง): จำคุกรวม 4 ปี (จากความผิด 2 กระทง)

จำเลยที่ 4 (นายภักดี): จำคุกรวม 4 ปี (จากความผิด 2 กระทง)

จำเลยที่ 5 (นายประทีป): จำคุกรวม 24 ปี (จากความผิด 6 กระทง)

จำเลยที่ 6 (บจก. เลควูดฯ): ปรับ 20,000 บาท (จากความผิด 1 กระทง)

จำเลยที่ 7 (บมจ. ไทยน๊อคซ์ฯ): ปรับ 60,000 บาท (จากความผิด 3 กระทง)

จำเลยที่ 8 (นายฌ็อง ปอล): จำคุกรวม 12 ปี (จากความผิด 3 กระทง)

จำเลยที่ 9 (น.ส. อุษณา): จำคุกรวม 12 ปี (จากความผิด 3 กระทง)

จำเลยที่ 10 (นายประยุทธ): จำคุกรวม 24 ปี (จากความผิด 6 กระทง)

จำเลยที่ 11 (นายจิเทนเดอร์): จำคุกรวม 12 ปี (จากความผิด 3 กระทง)

หากบริษัทจำเลยที่ 6 และ 7 ไม่ชำระค่าปรับ จะต้องถูกจัดการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ โทษจำคุกของจำเลยที่ 5 และ 10 จะเริ่มนับต่อจากโทษในคดีอื่นที่ศาลเคยตัดสินไปแล้ว

ศาลยังมีคำสั่งให้ เพิกถอนโฉนดที่ดิน 4 แปลง ที่เกี่ยวข้อง และ ริบเงินจำนวน 3,750,000 บาท เข้าแผ่นดิน ส่วนคำขออื่นๆ ของฝ่ายโจทก์ ศาลพิจารณายกไป

มีรายงานว่าจำเลย 6 ราย ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ศาลได้ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา แต่เนื่องจากคำสั่งจากศาลอุทธรณ์ยังมาไม่ถึงภายในเวลาทำการ (18.00 น.) เจ้าหน้าที่จึงต้องนำตัวจำเลยทั้ง 6 รายไปควบคุมไว้ที่เรือนจำกลางสุรินทร์ก่อน

ทางเรือนจำกลางสุรินทร์ได้เตรียมทีมแพทย์ไว้ดูแล นายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นพิเศษ เนื่องจากมีโรคประจำตัว โดยควบคุมตัวไว้ที่แดนพยาบาล ส่วน น.ส. อุษณา มหากิจศิริ ถูกควบคุมตัวรวมกับผู้ต้องขังอื่นในแดนแรกรับตามระเบียบของเรือนจำ จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเรื่องการประกันตัวต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx