ข่าว

เปิดข้อมูล เครื่องบินตำรวจ Twin Otter จากแคนาดา ระบบตรวจการณ์จัดเต็ม

เผยสเปก Twin Otter DHC-6 เครื่องบินตำรวจล่าสุด ลุยได้ทั้งบก-น้ำ ปฏิบัติภารกิจลับ-กู้ภัย เสริมทัพปฏิบัติการพิเศษ พร้อมระบบเอวิโอนิกส์-ตรวจการณ์ ครบเครื่อง

บนลานจอดของกองบินตำรวจ สนามบินดอนเมือง อากาศยานปีกสองชั้นรูปทรงบึกบึนแต่ปราดเปรียว ได้เข้ามาเสริมทัพในนาม อากาศยานแบบที่ 36 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นี่คือ ไวกิ้ง ดีเอชซี-6-400 ทวิน ออตเตอร์ (Viking DHC-6-400 Twin Otter) เครื่องบินมากความสามารถ สัญชาติแคนาดา จำนวน 3 ลำ ที่ทยอยเข้าประจำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติภารกิจที่หลากหลายทั่วผืนแผ่นดินและผืนน้ำของไทย

ประวัติ Twin Otter DHC-6 จากแคนาดาสู่ดอนเมือง การเดินทางของฝูงบินใหม่

การจัดหาเครื่องบินอเนกประสงค์รุ่นนี้ เป็นการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสั่งซื้อตรงจากบริษัทผู้ผลิต Viking Air ประเทศแคนาดา แบ่งเป็นรุ่นที่ใช้ฐานล้อสำหรับลงจอดบนบกจำนวน 2 ลำ (ทะเบียน 36964, 36980) และรุ่นติดตั้งทุ่นสำหรับปฏิบัติการทางน้ำโดยเฉพาะอีก 1 ลำ (ทะเบียน 36973)

สำหรับราคาโดยประมาณเครื่องลำใหม่ อยู่ที่ 5.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 216 ล้านบาท) ส่วนเครื่องมือสอง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 165 ล้านบาท)

การเดินทางเพื่อส่งมอบเครื่องบินเหล่านี้ต้องข้ามทวีป ผ่านทั้งไอซ์แลนด์และยุโรป ก่อนจะมาถึงประเทศไทย โดยลำแรกเดินทางมาถึงเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 เพิ่มศักยภาพให้กองบินตำรวจอย่างเป็นทางการ

เทคโนโลยีของ ทวิน ออตเตอร์

สมรรถนะอันโดดเด่นของ DHC-6-400 Twin Otter มาจากเครื่องยนต์เทอร์โบพร็อพ Pratt & Whitney Canada PT6A-34 จำนวน 2 เครื่องยนต์ ซึ่งให้พละกำลังสูงแต่ไว้วางใจได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสมบัติการบินขึ้น-ลงในระยะสั้น (STOL – Short Take-Off and Landing)

เปิดโอกาสให้เครื่องบินสามารถเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลหรือทุรกันดารซึ่งเครื่องบินขนาดใหญ่อื่น ๆ ไม่อาจไปถึง ห้องนักบินติดตั้งระบบเอวิโอนิกส์ Honeywell Primus Apex ชุดแผงหน้าปัดดิจิทัลอันทันสมัย ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการนำทาง ลดภาระนักบิน และเสริมประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างทีมปฏิบัติภารกิจ

ภายในห้องโดยสารมีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับ ผู้โดยสารได้สูงสุด 19 คน หรือปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับภารกิจทางการแพทย์ฉุกเฉิน ด้วยการติดตั้ง เตียงพยาบาลได้ถึง 4 เตียง พร้อมพื้นที่สำหรับทีมแพทย์และอุปกรณ์ช่วยชีวิต

นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้ง ระบบตรวจการณ์และถ่ายภาพทางอากาศ รุ่นพิเศษ (มีข้อมูลระบุถึงระบบ LINX และ S.C.A.R. Pod) เพิ่มขีดความสามารถในการลาดตระเวนและรวบรวมข้อมูลจากทางอากาศ

Twin Otter DHC-6 36364

ปีกเหล็กเพื่อพิทักษ์รับใช้ หลากหลายภารกิจ

ความอเนกประสงค์ของ ทวิน ออตเตอร์ ทำให้เครื่องบินรุ่นนี้กลายเป็นกำลังสำคัญในหลากหลายภารกิจของตำรวจไทย ไม่ว่าจะเป็น

การลำเลียงทางยุทธวิธี

  • ขนส่งกำลังพล เสบียง หรือยุทโธปกรณ์จำเป็น ไปยังพื้นที่ปฏิบัติการห่างไกลทั่วประเทศ

การค้นหาและช่วยเหลือ (SAR)

  • ปฏิบัติการค้นหาผู้ประสบภัยทั้งบนบกและในทะเล รวมถึงการดัดแปลงเป็นอากาศยานพยาบาล (Medevac) เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน

การลาดตระเวนทางทะเล

  • โดยเฉพาะเครื่องบินรุ่นติดทุ่น ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังแนวชายฝั่ง ตรวจสอบเรือต้องสงสัย หรือสกัดกั้นภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ ทางทะเล

ฝูงบิน DHC-6-400 Twin Otter ทั้งสามลำ มีฐานปฏิบัติการหลัก ณ กองบินตำรวจ ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยระบบสนับสนุนภาคพื้นและหน่วยควบคุมภารกิจที่พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง

การเข้าประจำการของอากาศยานแบบที่ 36 นี้ จึงเป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถตอบสนองต่อภารกิจเพื่อความมั่นคงและการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างครอบคลุมและทันท่วงทียิ่งขึ้น

อุบัติเหตุ เครื่องบินตำรวจดิ่งทะเลดับยกลำ

โศกนาฏกรรมกลางเวหา เครื่องบินตำรวจดิ่งทะเลชะอำ

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2568 เช้าอันเงียบสงบของวันที่เกิดเหตุ กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝัน เมื่อเครื่องบินเล็กของสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสบอุบัติเหตุตกกลางทะเล บริเวณหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้พบเห็น

เสียงเครื่องยนต์ที่เคยดังกระหึ่มกลับเงียบหายไปในพริบตา เครื่องบินลำดังกล่าวทะยานขึ้นจากสนามบินหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลาราว 08.15 น. ด้วยภารกิจสำคัญในการทดสอบการบิน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกซ้อมกระโดดร่มของหน่วย ณ พื้นที่อำเภอหัวหิน แต่แล้วเที่ยวบินทดสอบนี้กลับกลายเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของนายตำรวจทั้ง 6 นายบนเครื่อง

พลันที่ข่าวแพร่ออกไป ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางความหวังที่ริบหรี่ ต่อมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันถึงเหตุการณ์อันน่าสลดใจ พร้อมเปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นาย ซึ่งประกอบด้วยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ตั้งแต่นักบินมากประสบการณ์ วิศวกร ไปจนถึงช่างเครื่อง

รายนามผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้แก่

  1. พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ (นักบิน)
  2. พ.ต.ท.ปานเทพ มณิวชิรางกูร (นักบิน)
  3. ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ (นักบิน) – ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลหัวหิน
  4. ร.ต.ท.ธนวรรษ เมฆประเสริฐสุข (วิศวกร)
  5. จ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา (ช่างเครื่อง)
  6. ส.ต.ต.จิราวัฒน์ มากสาขา (ช่างเครื่อง)

ขณะนี้ ปฏิบัติการเก็บกู้ซากเครื่องบินยังคงดำเนินต่อไป ควบคู่ไปกับการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่แท้จริง ทีมสืบสวนกำลังเร่งรวบรวมวัตถุพยานสำคัญ ทั้งจากซากเครื่องบินที่เสียหาย กล่องบันทึกข้อมูลการบิน หรือ “กล่องดำ” ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจไขปริศนา รวมถึงการสอบปากคำพยานแวดล้อมและตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิคอย่างละเอียด โดยมีการประสานงานกับหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยาน เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรอบด้านและโปร่งใสที่สุด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : กองบินตำรวจ

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button