ข่าว

สลด! เด็ก 9 ขวบท้องเสีย รพ.ฉีดยาเกินขนาด 100 เท่า ตาบอด-สมองพิการ นอนติดเตียง

น้องฟีฟ่า เด็ก 9 ขวบท้องเสีย หมอฉีดยา อะดรีนาลีน เกินขนาด 100 เท่า ทำตาบอด-สมองพิการ นอนติดเตียง

นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง พร้อมด้วยครอบครัวของ “น้องฟีฟ่า” เด็กหญิงวัย 9 ขวบ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้ช่วยเหลือเร่งด่วน หลังน้องได้รับผลกระทบรุนแรงจากการรักษาทางการแพทย์ที่ผิดพลาด จนตาบอด กลายเป็นผู้ป่วยสมองพิการ และต้องนอนติดเตียงอย่างถาวร

พ่อและแม่ของน้องฟีฟ่าเล่าว่า ครอบครัวลูกทั้งหมด 4 คน เด็กหญิงหนึ่งธิดา มุ่งต่อบัว หรือ น้องฟีฟ่าเป็นพี่คนโต อายุเพียง 9 ขวบ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บุตรสาวมีอาการท้องเสีย อ่อนเพลีย จึงพาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในย่านหนองแขม แพทย์ได้ฉีดยา “อะดรีนาลีน” เพื่อกระตุ้นความดันโลหิตให้สูงขึ้น แต่กลับเกิดปฏิกิริยารุนแรง ส่งผลให้ความดันเพิ่มสูงเกินควบคุม สมองขาดเลือด หัวใจหยุดเต้น และมีอาการชักเกร็ง

จนกระทั่งเวลาตี 2 ของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ น้องฟีฟ่าอาการทรุดลงอย่างหนัก ก่อนจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ในภาวะวิกฤต

แพทย์ระบุว่า ภาวะหัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานานทำให้สมองขาดเลือด ส่งผลให้เด็กตาบอด พูดไม่ได้ และขยับร่างกายไม่ได้ โดยแจ้งกับผู้ปกครองว่า “รักษาเกินสิทธิ 30 บาทแล้วจะเอาอะไรอีก” ซึ่งสร้างความสะเทือนใจแก่ครอบครัวอย่างมาก

ภาพจาก: Facebook ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช

ครอบครัวของน้องฟีฟ่ายืนยันว่า ไม่ต้องการฟ้องร้องดำเนินคดีกับแพทย์ แต่ต้องการเพียงการช่วยเหลือด้านการรักษาที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างใกล้เคียงปกติที่สุด เนื่องจากขณะนี้ น้องฟีฟ่าไม่สามารถมองเห็น เคลื่อนไหว หรือกินอาหารได้เอง ขณะที่แม่ต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูกตลอด 24 ชั่วโมง พ่อและแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ไม่แน่นอน จึงตกอยู่ในภาวะลำบากอย่างหนักหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

นายอนันต์ชัย ไชยเดช เปิดเผยว่า ได้ติดต่อไปยัง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้นเหตุ ยอมรับว่ามีการฉีดยาอะดรีนาลีนเกินขนาดจริง ส่งผลให้น้องต้องถูกส่งตัวไปรักษาต่อยังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง

รศ.นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ กรรมการแพทยสภา ซึ่งเข้ารับเรื่องด้วยตนเอง กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องต้นมีหลักฐานยืนยันว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติของสมองหลังรับการรักษา และหลังจากนี้จะนำเรื่องเข้าสู่การประชุมแพทยสภา เพื่อหาวิธีช่วยเหลือครอบครัวอย่างเร่งด่วน

อะดรีนาลีน ยากระตุ้นหัวใจที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง

อะดรีนาลีน หรือที่รู้จักในชื่อทางการแพทย์ว่า อิพิเนฟริน เป็นฮอร์โมนและสารสื่อประสาทที่ร่างกายผลิตขึ้นจากต่อมหมวกไตส่วนใน มีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อความเครียดหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และหลอดลมขยายตัว เพื่อเตรียมร่างกายสำหรับการ “สู้หรือหนี”

ทางการแพทย์ใช้สังเคราะห์มาเป็นยาอะดรีนาลีน เพื่อรักษาในกรณี ภาวะแพ้รุนแรงเฉียบพลัน จัภาวะหัวใจหยุดเต้น โรคหอบหืดรุนแรง ภาวะความดันโลหิตต่ำ

จัดเป็นยาควบคุมพิเศษที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยภาวะช็อก หรือมีความดันโลหิตต่ำฉับพลัน เช่นจากการแพ้ยา หรือแพ้อาหาร แต่การใช้ยานี้ต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ เนื่องจากการให้ยาเกินขนาดอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น หัวใจหยุดเต้นหรือสมองขาดเลือด

ด้านเพจดราม่าแอดดิก ซึ่งเคยเป็นแพทย์ ได้แสดงความคิดเห็นเคส เด็ก 9 ขวบ ฉีดยาอะดรีนาลีนจนตาบอดว่า

“อธิบายง่ายๆคือ ยาอะดรินาลีนที่หมอจ่ายให้ในเคสนี้ จริงๆแล้วเป็นยาที่ใช้รักษาคนไข้มานาน มีความปลอดภัย ถ้าให้ในโดสที่เหมาะสม แต่เป็นยาอันตรายที่ต้องควบคุมการใช้ เพราะถ้าใช้ผิดโดสอาจเกิดอันตรายกับคนไข้ได้ ต้องมีแพทย์อยู่ด้วยตอนสั่งใช้ยา และมีการ monitor อาการคนไข้ใกล้ชิด

เคสนี้หมอจะสั่งให้ใช้อุปกรณ์ infusion pump ในการให้ยา เป็นหน้าตาแบบในภาพ ซึ่งตัวนี้เป็นอุปกรณ์ในการควบคุมปริมาณยาที่ให้คนไข้อย่างละเอียดมาก

แต่เกิดความผิดพลาด มีจนท ไปเอาอุปกรณ์ตัวนี้ออก แล้วให้เข้าเส้นโดยตรง ทำให้ได้โอเวอร์โดสไป ร้อยเท่า ซึ่งต้องดูว่าความผิดพลาดนี้เกิดจากขั้นตอนใด ต้องรอดูทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเช็คเวชระเบียนอย่างละเอียด

เพราะเคสนี้คือ swiss cheese model มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น และทะลุทุกมาตรการป้องกันมาจนเกิดเหตุสลดแบบนี้ได้ ต้องสอบกันโดยละเอียดเลยว่าสาเหตุมันเกิดจากปัจจัยอะไรบ้าง

แต่ที่แน่ๆคือมีความผิดพลาดเกิดขึ้น และทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องหาทางเยียวยาให้น้องเขาและครอบครัวกันต่อไป”

ขณะที่เพจ “ไดโนศัลย์” ให้ความรู้ไว้ว่า ในทางการแพทย์ ยา อะดรีนาลีน จัดเป็นยาอันตรายที่อยู่ในกลุ่ม High Alert Drug คือ ยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าให้ผิดพลาดจะเกิดอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะในเด็กซึ่งต้องคำนวณขนาดยาอย่างแม่นยำตามน้ำหนักตัว

กรณีของ น้องฟีฟ่า เพจระบุว่า ยาที่ให้กับเด็ก 8-9 ขวบ (หนักประมาณ 18 กิโลกรัม) นั้นมีการผสมยาในอัตราส่วนที่ผิดปกติอย่างมาก โดยระบุว่าใช้ อะดรีนาลีน 18 หลอด (amp) ผสมกับน้ำเกลือ 100 มิลลิลิตร ซึ่งมากเกินไปอย่างร้ายแรง

โดยปกติ การให้ยาอะดรีนาลีนต้องผสมเจือจางมากๆ เช่น 10 หลอด ต่อ 100 ml (ในผู้ใหญ่) แล้วหยดเข้าเส้นเลือดอย่างช้าๆ ในอัตราส่วนที่คำนวณตามน้ำหนักตัว เช่น 1 ml/hr อาจเท่ากับ 0.01 mg/kg/hr ซึ่งยังต้องตรวจสอบต่อเนื่องโดยทีมแพทย์-พยาบาล

แต่ในกรณีนี้ การผสม 18 หลอดต่อ 100 ml กับเด็กที่หนักแค่ 18 กิโลกรัม เท่ากับว่า ถ้าให้ด้วยอัตรา 1 ml/hr ก็เท่ากับให้ยาเกินขนาดอย่างมาก ซึ่งเสี่ยงทำให้เกิด หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันสูงเกินไป ช็อก หรือหัวใจหยุดเต้น ได้ — และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับน้องฟีฟ่า

และได้ให้ข้อสรุปเพิ่มว่า สรุปอีกครั้ง “หมอสั่งผสมยาข้นเกินไป แต่ให้ยาช้า ปริมาณยาที่จะเข้าเด็กเลยถูกต้อง พอเปิดเส้นใหม่พยาบาลเอา infusion pump ออก ยาเลยไหลเข้าร่างกายน้องปริมาณ 100 เท่าจากที่ควรเป็น”

คือปัญหาไม่ใช่หมอคำนวณโดสผิด มันคือการที่ให้ยาอันตรายประมาท ถ้าเอาจริง หมอน่าจะรอด แต่พยาบาล เละ ☠️
แต่ส่วนผสมยาแม่งข้นเกิน

ใช้วิธีนี้ถ้ายกตัวอย่างให้เด็กหนัก 30 คูณ 0.6 ได้ 18 mg ในน้ำ 100 ml ก็คือ 18 amp น้ำ 100 นั่นแหละ

แต่คือพี่ไม่จำเป็นต้องตามนั้นปะ จะทำเป็น 18 mg ในน้ำ 1000 ml แล้วให้เรทมากขึ้น 10 เท่าไม่ดีกว่าเหรอ เพราะยังไงมันไม่ได้มีภาวะน้ำเกินอยู่แล้ว

1 ml/hr เด็กมัน 8-9 ขวบ ไม่ใช่ 8-9 วัน”

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button