
เบื้องหลังสุดวุ่นวาย Snow White 2025 ฉบับคนแสดง เรเชล เซเกลอร์ ปากแจ๋ว ส่อต้นเหตุทำหนังเจ๊ง กัล กาด็อท ถูกขู่ฆ่า เพิ่มบอดี้การ์ด จ้างกูรูโซเชียลฯ ให้นางเอกเลิกโพสต์สุ่มเสี่ยง
ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา – สำนักข่าว Variety แฉเบื้องลึกเบื้องหลังความล้มเหลวของภาพยนตร์ สโนวไวท์ 2025 ฉบับคนเต็มไปด้วยเรื่องราวสุดปวดหัว ตั้งแต่ภัยคุกคามถึงชีวิตกับ กัล กาด็อท ผู้รับบทแม่เลี้ยงใจร้าย ไปจนถึงการต้องจ้างกูรูด้านโซเชียลมีเดียมาดูแลนักแสดงนำอย่าง “เรเชล เซเกลอร์” เลยทีเดียวเพราะโพสต์ปากแจ๋วไม่หยุด
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2024 หลังจากที่เรเชล เซเกลอร์ ขึ้นเวทีงาน D23 ของดิสนีย์เพื่อเปิดตัวหนังอย่างเป็นทางการได้เพียงสามวัน เธอก็ได้โพสต์ขอบคุณแฟนๆ ใน X (หรือ Twitter ในชื่อเดิม) ที่ช่วยดันยอดวิวตัวอย่างหนังทะลุ 120 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมง
แต่แล้วในเธรดเดียวกันนั้นเอง เธอก็ได้ทิ้งท้ายประโยคที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วว่า “และจำไว้เสมอว่า… ปลดปล่อยปาเลสไตน์”
ใครๆ ก็รู้ว่า คู่ขัดแย้งปาเลสไตน์ คือ อิสราเอล และกัล กาด็อตเป็นคนอิสราเอล

ข้อความดังกล่าวที่มียอดวิวสูงถึง 8.8 ล้านครั้ง ซึ่งมากกว่าโพสต์แรกเกือบสี่เท่า ได้ถูกแชร์ว่อนไปอย่างรวดเร็ว หลายคนในสตูดิโอดิสนีย์ต่างตกใจที่นักแสดงนำของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทุนสร้าง 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กล้าที่จะนำประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการโปรโมทหนัง
ผู้บริหารของดิสนีย์ได้แจ้งความกังวลไปยังทีมงานของเซเกลอร์ ในขณะที่ “มาร์ค แพล็ตต์” โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ถึงกับบินตรงไปนิวยอร์กเพื่อพูดคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว แต่ทว่านักแสดงสาว ซึ่งความสัมพันธ์กับสตูดิโอเริ่มสั่นคลอนตั้งแต่ช่วงแคมเปญโปรโมทรางวัล “West Side Story” ในปี 2022 และต่อเนื่องมาถึงการที่เธอออกมาวิพากษ์วิจารณ์ “Snow White” ต้นฉบับอันเป็นที่รัก ก็ยังคงยืนกรานในความคิดของตัวเอง ไม่ยอมลบโพสต์
ผลกระทบจากโพสต์นั้นเอง ภัยคุกคามได้ส่งถึงชีวิต “กัล กาโดต์” เพราะมีคอมเมนต์แสดงความเกลียดชังต่อเธอกับอิสราเอลเพิ่มขึ้น จนถูกขู่ฆ่าจนดิสนีย์ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าบอดี้การ์ดเพิ่มเติมให้เธอและครอบครัว ซึ่งมีลูก 4 คน

“เรเชลไม่เข้าใจผลกระทบจากการกระทำของเธอเลยว่ามันจะส่งผลต่อหนัง, ต่อกัล, ต่อใครๆ บ้าง” แหล่งข่าววงในคนหนึ่งกล่าว
3 เดือนต่อมา หลังจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมา เซเกลอร์ก็โพสต์ข้อความหยาบคายถึง “โดนัลด์ ทรัมป์” และสาปแช่งผู้สนับสนุนทรัมป์ในอินสตาแกรม
คราวนี้ดิสนีย์สุดจะทนแล้ว เมื่อนักแสดงนำของพวกเขาแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ต้อนรับผู้ชมที่เป็นแฟนคลับของทรัมป์ ซึ่งอาจเป็นผู้ชมถึงครึ่งหนึ่งของหนังที่เจอปัญหาถ่ายซ่อมจนงบบานปลายอยู่แล้ว โปรดิวเซอร์จึงต้องพูดคุยกับเซเกลอร์อีกครั้ง

หลังจากเจรจาอยู่นาน ในที่สุดเซเกลอร์ก็ยอมร่วมงานกับกูรูด้านโซเชียลมีเดียที่ดิสนีย์จ้างมาดูแลการโพสต์ต่างๆ ของเธอก่อนที่หนังจะเข้าฉายในวันที่ 21 มีนาคม
และเมื่อมองย้อนกลับไปที่ผลงานเปิดตัวสุดเงียบเหงาของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งทำรายได้ทั่วโลกไปเพียง 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้บริหารระดับสูงของเบอร์แบงก์กำลังประเมินว่าอะไรคือสิ่งที่ผิดพลาด
หากจะเปรียบเทียบรายได้ของ “Snow White” กับภาพยนตร์เรื่องอื่น จะพบว่ามันน้อยกว่า “Joker: Folie à Deux” ของ Warner Bros. ที่เข้าฉายในเดือนตุลาคมถึง 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ “Snow White” มีงบประมาณสูงกว่าถึง 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“คุณพูดไม่ได้หรอกว่าการนำหนังที่ไอคอนิกที่สุดในคลังมาสร้างใหม่ในรูปแบบคนแสดง ด้วยทุนสร้าง 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และถ่ายซ่อมหลายครั้ง แต่กลับเปิดตัวด้วยรายได้ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นั้นเป็นเรื่องปกติ หนังเรื่องนั้นควรจะทำเงินได้เป็นพันล้านดอลลาร์” ผู้บริหารจากสตูดิโอคู่แข่งกล่าวเมื่อมีการคาดการณ์ว่าหนังจะเปิดตัวในประเทศด้วยรายได้ 45-55 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (แต่สุดท้ายกลับทำได้ต่ำกว่านั้นที่ 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

สโนว์ไวท์ 2025 ต้องทำรายได้เท่าไหร่ถึงจะกำไร
ณ วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2568 ภาพยนตร์สโนวไวท์ทำรายได้ทั่วโลกประมาณ 88.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นรายได้ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา 44.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้จากประเทศอื่น ๆ 43.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยทั่วไป หนังทุกเรื่องต้องทำรายได้ประมาณ 2 ถึง 2.5 เท่าของงบประมาณการผลิตเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดและเริ่มทำกำไร ซึ่งหมายความว่า สโนวไวท์ ต้องทำรายได้ประมาณ 500 ถึง 675 ล้านดอลลาร์สหรัฐจึงจะเริ่มมีกำไร แต่ทว่า ด้วยรายได้ปัจจุบันที่ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังห่างไกลจากจุดที่เริ่มทำกำไร ส่อแววขาดทุนหากไม่สามารถเพิ่มรายได้ในสัปดาห์ต่อ ๆ ไปได้

ขุดวีรกรรม อยากไปงานออสการ์จนต้องพักกอง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เรเชล เซเกลอร์ สร้างความเดือดดาลให้ผู้สร้าง สตูดิโอ แอมบลินพาร์ทเนอร์ส ของสตีเวน สปีลเบิร์ก ก็ถึงกับระอา เมื่อเธอออกมาบ่นในโซเชียลมีเดียว่าเธอไม่ได้รับเชิญไปงานออสการ์ปี 2022 ในฐานะนักแสดงนำของภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอย่าง “West Side Story” ซึ่งดิสนีย์เป็นผู้จัดจำหน่าย
แหล่งข่าวกล่าวว่าเธอเพิ่งเริ่มถ่ายทำสโนวไวท์ในลอนดอน และ “ฌอน เบลีย์” ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธาน วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเชอส์ ได้ปฏิเสธที่จะพักกองเพื่อให้นางเอกไปร่วมงาน
หลังจากที่เซเกลอร์ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อสาธารณะ สถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์จึงได้มอบตั๋วให้เธอถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลก็ตาม
หลายเดือนต่อมาในงาน D23 เธอก็วิพากษ์วิจารณ์ “Snow White” ต้นฉบับปี 1937 โดยกล่าวว่าเจ้าชาย “ตามติด” นางเอกเหมือนสตอร์กเกอร์ เอเยนต์ระดับท็อปคนหนึ่งกล่าวว่านั่นคือจุดที่ดิสนีย์ปล่อยให้เซเกลอร์ควบคุมเรื่องราว “ครั้งแรกที่เธอพูดจาไม่เข้าหู คุณต้องตัดไฟแต่ต้นลม” แต่สตูดิโอกลับไม่ได้ทำอะไร และกลุ่มแฟนๆ ที่รักต้นฉบับก็เริ่มไม่พอใจ

“ผู้บริหารดิสนีย์บอกว่าข่าวร้ายก็ยังดีกว่าไม่มีข่าว แต่ในกรณีของ ‘Snow White’ พวกเขาคิดผิดอย่างสิ้นเชิง” เจฟฟ์ บ็อค นักวิเคราะห์บ็อกซ์ออฟฟิศจาก Exhibitor Relations กล่าว “กระแสวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบมากมายล้อมรอบหนังเรื่องนี้มาหลายปี และรีวิวที่ไม่ดีก็ไม่ได้ช่วยอะไร ทำให้ผู้ชมจำนวนมากอาจจะรอชมหนังเรื่องนี้ผ่าน Disney+ แทนที่จะไปดูในโรงภาพยนตร์ สิ่งที่อาจช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้บ้างคือตลาดหนังที่ไม่คึกคักนัก ซึ่งอาจทำให้ ‘Snow White’ ยังคงฉายอยู่ในโรงได้อีกสักพัก เหมือนกับหนังสำหรับครอบครัวหลายๆ เรื่อง แม้ว่าจะเปิดตัวได้ไม่ดีนักก็ตาม”
ปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลกระทบต่อความล้มเหลวของภาพยนตร์ รวมถึงความล่าช้าในการถ่ายทำเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และเหตุการณ์ไฟไหม้ในกองถ่าย ในขณะที่การประท้วงของนักแสดงก็ทำให้การถ่ายซ่อมบางส่วนต้องถูกยกเลิกไป แถมหนังคนแสดงของดิสนีย์ ซึ่งเคยเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ชม กลับมีผลงานแป๊กในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีหนังอย่าง “Dumbo” และ “Maleficent: Mistress of Evil” ทำรายได้ไม่ดีนัก และ “Peter Pan & Wendy” ก็ถูกส่งตรงลง Disney+ แทนที่จะฉายโรง
ถึงกระนั้นก็ตาม ไม่มีปัญหาบาดหมางใดๆ ระหว่างนักแสดงนำทั้งสอง แม้จะมีรายงานข่าวที่ขัดแย้งกัน แหล่งข่าวกล่าวว่านักแสดงทั้งสองเข้ากันได้ดีระหว่างการถ่ายทำ แต่สถานการณ์เริ่มอึดอัดขึ้นในช่วงก่อนการเปิดตัว ตัวอย่างเช่น เซเกลอร์เคยเรียกกัลกาด็อทว่า “ราชินีนักประกวดมืออาชีพ” ในความคิดเห็นใต้โพสต์ในอินสตาแกรมหลังจากที่พวกเธอปรากฏตัวร่วมกันในฐานะผู้ประกาศรางวัลในงานออสการ์เมื่อเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นการใช้คำที่ไม่ให้เกียรตินักแสดงร่วม
ผู้สังเกตการณ์บางคนกล่าวว่าดิสนีย์เป็นผู้จุดชนวนให้เกิดภาพลักษณ์ของความขัดแย้ง โดยการจัดตารางงานโปรโมทแยกกันของนักแสดงทั้งสอง ในงานรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งงดการสัมภาษณ์บนพรมแดงแบบดั้งเดิมและเน้นการถ่ายภาพเพียงอย่างเดียว นักแสดงทั้งสองส่วนใหญ่อยู่ห่างกัน ภายในโรงภาพยนตร์ El Capitan Theatre ในลอสแอนเจลิส เซเกลอร์นั่งอยู่สองแถวหน้ากาโดต์และครอบครัวของเธอ
แต่ถึงตอนนั้น ดิสนีย์ก็หมดหวังแล้วว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถเอาชนะกระแสต่อต้านที่ก่อตัวขึ้นเหมือนหม้อต้มยาพิษในเทพนิยายมานานหลายปีได้






อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รีวิวชุดแรก Snow White 2025 คะแนนเน่า นักวิจารณ์อวย ราเชล แสดงดี ร้องเพลงเพราะ
- รายได้เปิดตัว สโนว์ไวท์ 2025 เหงื่อตก จากทุนสร้าง 270 ล้าน ไร้วี่แววกำไร
- ดิสนีย์ เตรียมสร้าง ‘Tangled’ เวอร์ชันคนแสดง โดยผู้กำกับ ‘The Greatest Showman’