
เปิดอาณาจักรธุรกิจ Happy Munchy ของ 3 ผู้บริหารหญิง ตุ๊ก-นิหน่า-แตน กับเมนูเด็ด “ออมุก” ทำรายได้สูงสุดถึง 71.4 ล้านบาท
ท่ามกลางการแข่งขันในธุรกิจอาหาร แฮปปี้มันชี่ (Happy Munchy) สร้างชื่อจากการเป็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความมุ่งมั่นและแนวคิดการ ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีสารกันบูด มีประโยชน์ และมี อย. โดยมีสามผู้บริหารหญิงแกร่งอย่าง ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา การุณวงศ์วัฒน์, นิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์ และ แตน-ธันยวดี วะสีนนท์ เป็นผู้นำ ซึ่งความแข็งแกร่งของทีมนี้เองได้ผลักดันให้ธุรกิจดั้งกล่าว ให้เติบโตต่อเนื่องตลอด 5 ปี จนสร้างรายได้ที่น่าประทับใจถึง 71.4 ล้านบาท
รายได้ย้อนหลัง 5 ปี วิเคราะห์กลยุทธ์ขยายตลาด
การที่ แฮปปี้มันชี่ วางขายในเซเว่น อีเลฟเว่น ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แบรนด์เติบโตแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ การพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดกว้างขึ้น เช่น ออมุกสไตล์เกาหลี ที่อร่อย มีประโยชน์ และทานง่าย ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังแสดงให้เห็นว่า Happy Munchy มีรายได้เติบโตต่อเนื่องตลอด 5 ปี จนในปี 2566 ทำรายได้ถึง 71.4 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งและความนิยมของแบรนด์ในตลาดการเติบโตของรายได้ Happy Munchy ย้อนหลัง 5 ปี

ปี 2566
- รายได้ 71.4 ล้านบาท
ปี 2565
- รายได้ 65.0 ล้านบาท
ปี 2564
- รายได้ 49.9 ล้านบาท
ปี 2563
- รายได้ 22.8 ล้านบาท
ปี 2562
- รายได้ 8.7 ล้านบาท

จากการวิเคราะห์ตัวเลขรายได้ของ แฮปปี้มันชี่ ทำให้เห็นว่าธุรกิจมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด แปลว่าสินค้าเป็นที่ยอมรับและขายดีขึ้นมาก การที่รายได้พุ่งสูงขึ้นมากจากปี 2562 ไปปี 2563 น่าจะเป็นเพราะแบรนด์มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ เช่น การปรับปรุงภาพลักษณ์ใหม่ หรือการเริ่มขายสินค้าหลักอย่าง “ออมุก” และทำการตลาดได้ผลดี
ถึงแม้ว่าในปี 2566 รายได้จะเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าปีก่อน แต่โดยรวมแล้วรายได้ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าธุรกิจยังคงเติบโตและขยายตัวได้ดี

จุดเริ่มต้นจากปัญหาใกล้ตัว สู่ไอเดียธุรกิจหลักล้าน
แรงบันดาลใจในการก่อตั้ง Happy Munchy นั้น ผู้บริหารทั้ง 3 ท่าน เคยให้สัมภาษณ์ผ่านบทความพิเศษของ CP ALL เอาไว้ว่า เป็นเริ่มต้นจากปัญหาเล็ก ๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณแม่หลาย ๆ คน นั่นคือ “ลูกทานยาก”
ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา เล็งเห็นถึงความต้องการอาหารที่อร่อย ปลอดภัย และมีประโยชน์สำหรับเด็ก ๆ จึงเกิดเป็นประกายความคิดที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นี้ขึ้นมา
ในปี 2559 สามสาวได้ผนึกกำลังก่อตั้ง บริษัท ลิตเติลมันช์ชี่ จำกัด และเริ่มต้นสร้างแบรนด์ “Little Munchy” ที่เน้นผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ด้วยความใส่ใจในคุณภาพและรสชาติ ทำให้แบรนด์นี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว
เมื่อธุรกิจเริ่มมีรากฐานที่มั่นคง ในปี 2563 ตุ๊ก นิหน่า และแตน จึงตัดสินใจครั้งสำคัญในการรีแบรนด์จาก “Little Munchy” เป็น “Happy Munchy” เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่กลุ่มเด็ก แต่ครอบคลุมไปถึงผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยที่ใส่ใจในสุขภาพ

เคล็ดลับความสำเร็จจากผู้บริหาร
ในการให้สัมภาษณ์ ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา ได้กล่าวถึงเคล็ดลับสำคัญในการทำธุรกิจว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจก็คือ ความรู้ ยิ่งเป็นผู้ประกอบการ SME ยิ่งต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติม และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อไหร่ที่หยุดแสวงหาความรู้ หยุดพัฒนาตัวเองก็เท่ากับตาย จะมีแต่ Passion ไม่ได้ เพราะ Passion เพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้ต่อสู้กับตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้”
เรียกว่า แฮปปี้มันชี่ ถือเป็นธุรกิจ SME ที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย โดยมีการเติบโตของรายได้ที่สำคัญซึ่งขับเคลื่อนโดยผลิตภัณฑ์ออมุก บริษัทเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและการตัดราคา แต่ Happy Munchy มีจุดแข็งที่สำคัญ ได้แก่ การมุ่งเน้นคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ อัตลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และกลยุทธ์การจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ
แนวโน้มในอนาคตของ Happy Munchy ยังคงสดใส โดยมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและการปรับตัวให้เข้ากับพลวัตของตลาด การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์มีความสำคัญต่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนในภาคอาหารและเครื่องดื่มที่มีการแข่งขันสูง
นอกจากนี้ กลยุทธ์การจัดจำหน่ายของ Happy Munchy ครอบคลุมช่องทางที่หลากหลาย รวมถึงร้านค้าปลีกสมัยใหม่ชั้นนำ เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น, ท็อปส์, วิลล่า มาร์เก็ต, กูร์เมต์ มาร์เก็ต และโฮม เฟรช มาร์ท รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของฐานลูกค้าของช่องทางการค้าปลีกที่แตกต่างกัน

นิหน่า โพสต์เศร้า เจอเรื่องเสียใจ หลังสินค้าติดตลาด
ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 24 มีนาคม 2568 นิหน่า สุฐิตา หนึ่งในผู้บริหารของ แฮปปี้มันชี่ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบายความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยแสดงความเสียใจอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทเล็ก ๆ ของพวกเขา
“เสียใจมาก เราเป็นบริษัทเล็ก ๆ ทำสินค้าขายแต่ละตัว กว่าจะได้คิดมาเป็นปี ๆ พัฒนาสินค้ากว่าจะผ่าน กว่าจะให้คนรู้จัก พอจะขายได้ ติดตลาดก็เจอแบบนี้ ฝากอุดหนุนออมุกของ Happy Munchy ด้วยนะคะ ของเราไม่มีผงชูรส อร่อยจากเนื้อปลาแท้ ๆ นะ มีสินค้าอื่น ๆ อีกเยอะเลย ฝากติดตามแบรนด์เล็ก ๆ ของนิหน่ากับเพื่อนด้วยนะคะ ฮือออออออออ เสียใจ”

นิหน่าเล่าว่า กว่าที่ แฮปปี้มันชี่ จะคิดค้น พัฒนา และวางขายสินค้าแต่ละตัวได้นั้น ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากเป็นปี ๆ กว่าจะได้รับการยอมรับและขายดีในตลาด แต่แล้วพวกเขาก็ต้องมาเจอกับเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียใจ
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ อ่านทุกข้อความเลยจริง ๆ จะตั้งใจทำสินค้าดี ๆ มีคุณภาพออกมา ขอฝาก Happy Munchy ด้วยนะคะ”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “นิหน่า” พ้อ ทำ ‘ออมุก’ คิดมาเป็นปีๆ เจอแบรนด์ใหญ่ทำสินค้าเหมือนสู้
- แบงค์ พชร ประกาศหย่า นิหน่า ลั่นตัดสินใจร่วมกัน งดดราม่า ขอทำหน้าที่พ่อแม่
- นิหน่า โพสต์รูปคู่หนุ่มปริศนา หลัง แบงค์ พชร ประกาศแยกทาง แฟน ๆ แห่ให้กำลังใจ