ข่าว

วันวสันตวิษุวัต 20 มี.ค. 68 กลางวันเท่ากลางคืน เริ่มต้นฤดูกาลแห่งความสมบูรณ์

20 มีนาคม 2568 วันวสันตวิษุวัต กลางวันและกลางคืนเท่ากันทั่วโลก สู่การเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ เจาะลึกความสำคัญทางดาราศาสตร์ วัฒนธรรม และความเชื่อจากญี่ปุ่น จีน และโลกตะวันตก

วันนี้ 20 มีนาคม 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญทางดาราศาสตร์ นั่นคือ วันวสันตวิษุวัต (วะ-สัน-ตะ-วิ-สุ-วัด) หรือ Vernal Equinox ปรากฏการณ์ที่โลกของเรามีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากันทุกแห่งบนพื้นผิวโลก ซึ่งเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ และการเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้ วันนี้ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีความเชื่อและนัยสำคัญทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมายจากทั่วโลก

วสันตวิษุวัต คืออะไร?

คำว่า “วิษุวัต” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง “จุดราตรีเสมอภาค” ซึ่งอธิบายถึงลักษณะสำคัญของวันนี้ได้อย่างชัดเจน นั่นคือ เป็นวันที่ดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลกพอดี ทำให้แสงอาทิตย์ส่องตรงมายังโลกในแนวตั้งฉาก ส่งผลให้ทุกพื้นที่บนโลกมีระยะเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากันอย่างแท้จริง

สำหรับประเทศไทย ในวันที่ 20 มีนาคม 2568 (อ้างอิงจากข้อมูล) ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกในเวลาประมาณ 06:22 น. และจะลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในเวลาประมาณ 18:28 น. (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร) แม้ว่าตัวเลขเวลาอาจดูไม่เท่ากันเล็กน้อย แต่เนื่องจากการกำหนดเวลาขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์นั้นนับจากขอบบนของดวงอาทิตย์สัมผัสเส้นขอบฟ้า หากพิจารณาจากจุดกึ่งกลางของดวงอาทิตย์แล้ว จะพบว่าวันดังกล่าวมีช่วงเวลากลางวันและกลางคืนยาวนาน 12 ชั่วโมงเท่ากันพอดี

สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ วันวสันตวิษุวัตถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านฤดูกาลครั้งสำคัญ โดยเป็นวันที่ซีกโลกเหนือของเราจะย่างเข้าสู่ ฤดูใบไม้ผลิ ที่สดใส ในขณะที่ซีกโลกใต้จะเปลี่ยนเข้าสู่ ฤดูใบไม้ร่วง ที่เริ่มมีลมเย็นพัดมา

วันวสันตวิษุวัติ 20 มี.ค.2568 กลางวันและกลางคืนเท่ากัน

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเบื้องหลังการเปลี่ยนฤดูกาล

การเกิดฤดูกาลบนโลกของเรานั้นเป็นผลมาจากการที่แกนโลกเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศากับแนวตั้งฉากกับระนาบโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ การเอียงนี้ทำให้แต่ละส่วนของโลกได้รับแสงอาทิตย์ในปริมาณที่แตกต่างกันตลอดทั้งปี ส่งผลให้เกิดความแตกต่างของอุณหภูมิและระยะเวลากลางวันกลางคืนในแต่ละฤดู

ในฤดูร้อน เราจะสังเกตได้ว่ากลางวันยาวนานกว่ากลางคืน ดวงอาทิตย์ขึ้นเร็วและตกช้า ในขณะที่ฤดูหนาวกลางคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน ดวงอาทิตย์ขึ้นช้าและตกเร็ว แต่วันวสันตวิษุวัตคือจุดที่ความสมดุลนี้เกิดขึ้น ก่อนที่ซีกโลกเหนือจะเริ่มเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึง วันครีษมายัน ในวันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งจะเป็นวันที่กลางวันยาวนานที่สุดในรอบปีสำหรับซีกโลกเหนือ

ความเชื่อและนัยสำคัญทางวัฒนธรรมทั่วโลก

วันวสันตวิษุวัตไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและความเชื่อที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคทั่วโลกอีกด้วย

ญี่ปุ่น วันชุนบุน หรือวันแห่งการระลึกถึงธรรมชาติและบรรพบุรุษ

ในประเทศญี่ปุ่น วันที่ 20 หรือ 21 มีนาคม (ขึ้นอยู่กับปี) ถือเป็น วันชุนบุน (Shunbun no Hi) ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับวันนี้เนื่องจากเชื่อว่าเป็นวันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่เส้นศูนย์สูตร ทำให้กลางวันและกลางคืนเท่ากัน ตามความเชื่อทางพุทธศาสนา วันนี้เป็นวันที่พระพุทธเจ้าจะช่วยให้วิญญาณเร่ร่อนก้าวข้ามระหว่างโลกและนิพพาน ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมกลับบ้านเพื่อรวมญาติ ทำความสะอาดและเยี่ยมเยียนหลุมศพของบรรพบุรุษ พร้อมทั้งถวายขนมโบตาโมจิเพื่ออุทิศส่วนกุศล

วันวสันตวิษุวัติ เชื่อมโยงกับความเชื่อญี่ปุ่น เทศกาล Shunbun no Hi

นอกจากนี้ วันชุนบุนยังถูกมองว่าเป็นวันแห่งการ “ระลึกถึงพระคุณของธรรมชาติ และเป็นวันแห่งความเพียรพยายามเพื่ออนาคต” เนื่องจากเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ความอบอุ่นและความสดชื่นที่มาพร้อมกับดอกไม้และใบไม้ผลิ ทำให้ชาวญี่ปุ่นมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ

จีน วันชุนเฟิน หรือวันกำเนิดร้อยบุปผา

ในประเทศจีน วันวสันตวิษุวัตถูกเรียกว่า ชุนเฟิน ซึ่งหมายถึง วันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน และเป็นช่วงกลางของฤดูใบไม้ผลิ ชาวจีนโบราณถือว่าวันนี้เป็น “วันกำเนิดร้อยบุปผา” เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเพาะปลูก พืชพรรณต่าง ๆ จะเจริญงอกงามได้ดี ในบางพื้นที่ เช่น มณฑลเจ้อเจียง จะมีการจัด “เทศกาลดอกไม้” เพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ

วันวสันตวิษุวัติ เชื่อมโยงกับความเชื่อจีน วันชุนเฟิน หรือวันกำเนิดร้อยบุปผา

การกลับมาของนกนางแอ่นที่บินหนีหนาวไป ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชาวจีนใช้สังเกตถึงการสิ้นสุดของฤดูหนาวและการเริ่มต้นของฤดูแห่งความมีชีวิตชีวา การกสิกรรมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และเกิดประเพณีที่เรียกว่า “หลงไท่โถว” หรือ “มังกรเชิดหัว” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่

โลกตะวันตก เทศกาล Ostara การเฉลิมฉลองความสมดุลและการเริ่มต้นใหม่

ในวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่นับถือลัทธินอกศาสนา (Pagan) จะมีการเฉลิมฉลองเทศกาลที่เรียกว่า Ostara ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งฤดูใบไม้ผลิ จัดขึ้นในช่วงเวลาของวันวสันตวิษุวัต เทศกาลนี้เป็นการเฉลิมฉลองความสมดุลระหว่างแสงสว่างและความมืด และเป็นการเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ

ตามตำนานของ Wiccan วันนี้เป็นวันที่พระเจ้าเติบโตจากวัยทารกสู่วัยผู้ใหญ่ และโลกก็อบอุ่นและอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเมื่อเทพธิดาเข้าสู่พลังเต็มที่ เทศกาล Ostara เป็นช่วงเวลาแห่งความไร้เดียงสา ความมหัศจรรย์ และการเริ่มต้นใหม่ ผู้คนนิยมตกแต่งแท่นบูชาด้วยดอกไม้ ไข่ และกระต่าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความอุดมสมบูรณ์ อาหารที่นิยมรับประทานในช่วงนี้ ได้แก่ ไข่ หน่อไม้ฝรั่ง และผักตามฤดูกาลต่าง ๆ พิธีกรรมและคาถาในช่วงนี้มักเน้นไปที่ความสมดุลและการเริ่มต้นใหม่

วันวสันตวิษุวัติ เชื่อมโยงกับความเชื่อวิคคา ปีใหม่ ออสทารา อีสเตอร์

ที่น่าสนใจคือ เทศกาล Ostara มีความเชื่อมโยงกับเทศกาลอีสเตอร์ของชาวคริสต์ในปัจจุบัน โดยชื่อ “อีสเตอร์” นั้นมาจากชื่อเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ของชาวเยอรมันโบราณที่ชื่อ Ostara และประเพณีบางอย่าง เช่น การทาสีไข่ ก็มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมนอกศาสนา

วันวสันตวิษุวัตในวันที่ 20 มีนาคมนี้ นอกจากเป็นวันที่กลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากันเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง การเริ่มต้นใหม่ และความสมดุลของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ หรือการเปลี่ยนผ่านสู่ฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้ วันนี้ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมและความเชื่อที่หลากหลาย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและจักรวาลที่เราอาศัยอยู่

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง: NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ, nejireo, thaiastro, wiccaliving

New Nidhikant

จบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ เอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร นักเขียนสายมูเตลู และนักอ่านไพ่ทาโรต์ โหราศาสตร์ มีความสนใจด้านข่าวการเมือง ศิลปะวัฒนธรรม แฟชั่น และสายดูดวงมูเตลู งานเขียนเน้นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย อ่านสนุก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button