ปราสาทตาเมือนธม สุรินทร์ เป็นของไทยหรือเขมร ฟาดหน้าทหารกัมพูชาร้องเพลงชาติ

ดราม่า ทหารกัมพูชาร้องเพลงชาติ ปราสาทตาเมือนธม สุรินทร์ เป็นของใคร
ท่ามกลางผืนป่าอันเขียวขจีรอยต่อของพรมแดนไทย-กัมพูชา ปรากฏซากอารยธรรมโบราณอันยิ่งใหญ่ที่ยืนหยัดผ่านกาลเวลามากว่าพันปี “ปราสาทตาเมือนธม สุรินทร์” คือนามของศาสนสถานที่แฝงไว้ด้วยมนต์ขลัง ปราสาทหินทรายอันโอ่อ่าตระการตาไม่เพียงแต่เป็นประจักษ์พยานแห่งศรัทธาอันแรงกล้าในศาสนาฮินดูยุคโบราณ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและกัมพูชา
จากศาสนสถานสู่ศูนย์กลางชุมชน
ปราสาทตาเมือนธม (Prasat Ta Muen Thom) ตั้งอยู่ในเขตพนมดงรัก ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 (คริสต์ศตวรรษที่ 11-12) ในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 หรือพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 แห่งอาณาจักรขอมโบราณ เพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย อุทิศถวายแด่พระศิวะ
คำว่า “ตาเมือนธม” เป็นภาษาเขมร “ตา” หมายถึง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือสถานที่ที่มีผู้ดูแลรักษา “เมือน” เพี้ยนมาจากคำว่า “เมียน” หรือ “เมิน” แปลว่า ผู้หญิง ส่วน “ธม” แปลว่า ใหญ่ รวมความแล้วหมายถึง “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้หญิงที่มีขนาดใหญ่” ซึ่งอาจสื่อถึงเทพสตรี หรือผู้ดูแลรักษาปราสาทแห่งนี้
หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่า ปราสาทตาเมือนธมไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถานโดด ๆ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วยปราสาทอีกสองหลัง คือ ปราสาทตาเมือนโต๊ด (Prasat Ta Muen Toch) และปราสาทตาเมือน (Prasat Ta Muen) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า สันนิษฐานว่ากลุ่มปราสาทเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ธรรมศาลา” หรือที่พักสำหรับคนเดินทาง และ “อโรคยศาล” หรือสถานพยาบาล ตามแนวคิดของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ต้องการสร้างสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

สถาปัตยกรรมอันงดงาม ความยิ่งใหญ่แห่งศิลปะขอม
ปราสาทตาเมือนธมเป็นปราสาทหินทรายขนาดใหญ่ ก่อสร้างตามแบบศิลปะขอมโบราณ มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งแตกต่างจากปราสาทขอมส่วนใหญ่ที่มักหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
องค์ประกอบหลัก ประกอบด้วยปรางค์ประธานขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยระเบียงคด และมีโคปุระ (ซุ้มประตู) ทางเข้าทั้งสี่ทิศ ปรางค์ประธาน ตั้งอยู่บนฐานยกสูง มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน ภายในประดิษฐานศิวลึงค์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศิว ระเบียงคด เป็นทางเดินมีหลังคา เชื่อมต่อโคปุระทั้งสี่ด้าน ผนังด้านในสลักภาพเล่าเรื่องราวจากมหากาพย์รามายณะและมหาภารตะ โคปุระ เป็นซุ้มประตูทางเข้า มีลักษณะเป็นอาคารทรงมณฑป หลังคาซ้อนชั้น ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นและหินสลักอันวิจิตร
ลักษณะเด่นอีกประการของปราสาทตาเมือนธมคือ การใช้หินทรายสีชมพูอมแดงในการก่อสร้าง ซึ่งแตกต่างจากปราสาทขอมอื่น ๆ ที่มักใช้หินทรายสีเทา ทำให้ปราสาทแห่งนี้มีความสวยงามและโดดเด่นเป็นพิเศษ
ปราสาทตาเมือนธม เป็นของไทยหรือกัมพูชา
จากกรณีเกิดกรณีพิพาท ทหารกัมพูชาได้นำกลุ่มคนขึ้นไปบนปราสาทตาเมือนธม แล้วร้องเพลงชาติกัมพูชา ขณะที่ทหารไทยก็ยังประจำการ และพยายามผลักดันให้กลับไป ทำให้เกิดความไม่พอใจแก่ฝั่งไทย ที่มองว่าเป็นการยั่วยุ ไม่เคารพต่ออธิปไตยของไทย เนื่องจากปราสาทตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ของไทย เกรงว่าฝั่งกัมพูชาจะให้คลิปวิดีโอนี้มาอ้างกระทำเหนือสิทธิในอนาคตได้
ณ ปัจจุบัน ตอนได้ชัดเจนว่า ปราสาทตาเมือนธมเป็นของฝ่ายไทย จากหลักฐานทางภูมิศาสตที่ตั้งอยู่ในเขตประเทศไทยตามแผนที่และหลักเขตแดนที่ตกลงร่วมกันระหว่างไทยและฝรั่งเศส (ในฐานะผู้ปกครองอินโดจีน) ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไทยมีการดูแลรักษาและบูรณะปราสาทตาเมือนธมมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ
แม้หากกัมพูชาจะอ้างเรื่องปราสาทตาเมือนธมมีรูปแบบศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบขอมโบราณ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมกัมพูชา หรือบรรพบุรุษขอมเป็นคนสร้าง ก็ทำไม่ได้ เพราะสมัยก่อนไม่มีการปักปันเขตแดนชัดเจน ขณะที่ปัจจุบันความเป็นรัฐชาติเกิดขึ้นแล้ว มีการกำหนดเขตพรมแดนชัดเจน