จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งรับมือคาดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ายไปตั้งฐานกัมพูชา
![](https://thethaiger.com/th/wp-content/uploads/2025/02/คอลเซนเตอร์กัมพูชา.jpg)
จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งรับมือคาดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ายจากเมียนมา ไปตั้งฐานกัมพูชา พร้อมสั่งให้สกัดกั้นการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วานนี้ (5 ก.พ.) ได้ลงพื้นที่ไปประชุมป้องกันแก้ไขปัญหาการย้ายฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา
โดยมี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผวจ.จันทบุรี พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พล.ต.ต.จักรเพชร เพชรพลอยนิล พล.ต.ต.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผบก.ตชด.ภาค 1 น.อ.บัญญัติ วงศ์จำปา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน น.อ.นพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
จากปฏิบัติการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา อย่างต่อเนื่องและยกระดับความเข้มข้นในการเดินหน้าปราบปราม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและนานาประเทศ ตลอดจนมาตรการ “ระเบิดสะพานโจร” กวาดล้างการลักลอบส่งสัญญาณมือถือและอินเตอร์เน็ต ซิม สาย เสา เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการตัดกระแสไฟฟ้าตามคำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำให้คาดว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา อาจย้ายฐานปฏิบัติการไปยังชายแดนประเทศกัมพูชา ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนรับมือแบบบูรณาการร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อการป้องกันปราบปรามไม่ให้กลุ่มแก๊งดังกล่าวสามารถตั้งฐานปฏิบัติการเพื่อหลอกลวงประชาชนไม่ว่าชนชาติใด
ตนได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ชายแดน ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยให้บูรณการทุกภาคส่วนในการสกัดอาชญากรรมต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนทั่วประเทศ นอกจากนี้ สั่งการให้เตรียมพร้อมสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ และเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จะย้ายฐานจากชายแดนประเทศเมียนมาไปสู่ประเทศกัมพูชา รวมทั้งสกัดกั้น ตรวจสอบชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้า-ออกประเทศกัมพูชา ให้มีการตรวจค้น ตรวจสอบประวัติบุคคล การเดินทาง ให้การรวบรวมข้อมูลโดยฝ่ายความมั่นคง เพื่อประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยวในการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมต่างๆด้วย ยืนยันว่าจะเร่งเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการปราบปราม จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งภายใน 3 เดือน คาดหวังว่าสถานการณ์ความรุนแรงของอาชญากรรมดังกล่าวจะลดลงอย่างเป็นรูปธรรม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตำรวจบุกรวบ 2 บิ๊กบอส ชาวจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์กว่า 15 ล้าน
- เปิดภาพ “ชเวก๊กโก” หลังไทยตัดไฟ คาด “ท่าขี้เหล็ก” ไฟกลับมา 100% วันนี้
- แฉ “ผู้การ ต.” เจ้าของกาสิโนเมียวดี ผบ.ตร.จี้สอบ ตัวการใหญ่ตัดไฟสะดุด