สุดทน ทนายแก้ว โพสต์แจงอีกมุม หลังคู่กรณีขุดแชตกล่าวหาไม่หยุด
ทนายแก้ว โพสต์โต้กลับ ปู มัณฑนา หลังคู่กรณีขุดหลักฐานแชต ลั่น ผมเป็นทนายอาชีพ ไม่ใช่อาชีพทนาย
ดูเหมือนว่าประเด็นพิพาทระหว่าง ทนายแก้ว มนต์ชัย และ ปู มัณฑนา จะเริ่มใหญ่โตบานปลายขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หลังทางฝั่งของนักแสดงดังทยอยโพสต์หลักฐานไม่เว้นวัน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
ล่าสุด ทนายแก้ว ไม่ขออยู่เฉยอีกต่อไป ออกมาเคลื่อนไหวถึงกรณีดังกล่าวผ่านทางหน้าเฟซบุ๊ก โดยเป็นการชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้นตั้งแต่รับว่าความ จนถึงการยุติบทบาทในการร่วมงานกับ ปู มัณฑนา ระบุว่า
“จากที่เป็นข่าว… จริงๆ ผมก็ไม่อยากจะออกมาพูดอะไรมากมายครับ แต่เหมือนจะไม่หยุด! *ผมเลยขอพูดสักหน่อยว่า…
1. รายการโหนกระแสและพี่หนุ่มไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ดังนั้น อย่าไปพาดพิงรายการโหนกระแสครับ!! ต้องขอโทษรายการและพี่ #หนุ่มกรรชัย ด้วย
2. การที่ผมไปรับทำงานก็เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะมีนายหน้าคนหนึ่งติดต่อเข้ามา (ผมไม่เคยรู้จักกับลูกความมาก่อนเลย) ซึ่งนายหน้าคนนี้ก็รู้และเคยเห็นการทำงานผมมาก่อน และต่อมาก็ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องคดีเช็ค และผมก็ได้ตระเตรียมเรื่องนี้กันก่อนหน้า ที่จะมีการชำระเงินอีก เมื่อได้เจอกับลูกความ,สามีของลูกความ,นายหน้า จึงได้พูดคุยกัน และมีการแจ้งให้ผมดำเนินการ2คดี ๆแรก ก็คือคดีเช็คที่มีประเด็น คดีที่2 เป็นคดีที่ดินที่สภ.ธัญบุรี ที่อ้างว่าถูกหลอก ซึ่งได้มีการไปแจ้งความก่อนแล้ว หลังจากกลับมาบ้าน ผมก็มีการเสนอค่าบริการทั้ง2คดี เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท (เพราะเป็นงานเหมา)โดยส่งไลน์ไปให้นายหน้า นายหน้าก็ไม่ได้มีการโต้แย้งรายละเอียดเกี่ยวกับงานอย่างไรเลย ? ว่าจะเป็นคดีเดียว! และก็ได้ส่งมอบเอกสารให้กับผมเพื่อดำเนินงานในวันดังกล่าว แล้วต่อมา..ผมก็ส่งข้อความไปอีกว่านั้นเอาแบบนี้ เหลือ200,000 บาท แต่สุดท้ายอลูกความก็มีการโอนเงินมาให้ 150,000 บาท
ผมจึงได้มีการมอบหมายทนายในทีม แบ่งกันดำเนินงานเป็นทีมๆ โดยตัวผมเองได้มีการประสานงานไปยังพนักงานสอบสวนที่สน. ทองหล่อ เพื่อขอเลื่อนการเข้าพบรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเมื่อพสส.รู้ว่าผมติต่อมา พสส. ได้ให้เกียรติผมมากๆ และให้ความเคารพ ประกอบกับด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนของพนักงานสอบสวนด้วยครับ พนักงานสอบสวนท่านนั้นจึงบอกให้ทำหนังสือเพียงแสดงเหตุจำเป็นเท่านั้น ซึ่ง พสส.บอกว่าสามารถเลื่อนได้ครับ
แต่เหตุจะเลื่อนก็เป็นเรื่องที่ลูกความที่จะต้องแจ้งกับพสส. ผมก็ได้มีการร่างหนังสือไป (จุดมุ่งหมายก็เพื่อขอเลื่อนเท่านั้น) แต่เมื่อส่งไปให้ลูกความ ลูกความกลับอยากจะให้ผมเขียนหนังสือในทำนองที่จะบอกว่า..คดีมีความซับซ้อน มีรายละเอียดของพยานหลักฐานมาก…อะไรทำนองนี้และให้ผมลงนาม แล้วผมก็แจ้งกลับไปว่า ทำไมจะต้องทำเรื่องให้ซับซ้อน ??? ก็มันเป็นเหตุจำเป็นที่สามารถเลื่อนพบพนักงานสอบสวนได้อยู่แล้ว เพื่อมาตั้งฐานเตรียมคดี
*เมื่อผมแจ้งไปแบบนั้น นายหน้าได้โทรศัพท์มาคุยกับผมว่า จะขอเงินคืน โดยส่งข้อความมาทำนองว่า ขอร้องขอความเมตตาให้โอนเพิ่มเติม ผมก็แจ้งกลับว่าแล้วผมผิดอะไร? งานก็ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ด้วยความประนีประนอมเห็นอกเห็นใจ และสงสารนายหน้าจึงได้มีการโอนเงินคืนไปจำนวน 90,000บาท และนายหน้าโอนคืนในส่วนของนายหน้าไปอีก 10,000บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท ทุกอย่างก็ยุติจบกัน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567”
“ผมก็ส่งมอบเอกสารคืน หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรอีกเลย!! ต่อมาเรื่องนี้ได้มีการออกโหนกระแส ผมก็ไม่ได้เข้าไปเป็นทนายความคนกลางอะไรของแต่ละฝ่ายเลยครับและ
ขอเน้นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา หากลูกความหรือนายหน้า จะขอเงินเพิ่ม ก็ติดต่อมาได้ แต่ไม่เคยทวงถาม มาขออะไรเลย ตลอดระยะเวลาไม่เคยติดต่อมาทวงอะไรผมเลย!! แต่อยู่ดีๆปลายเดือนมกรา 2568 ซึ่งผ่านระยะเวลามาร่วม 6 เดือนเศษ แล้วมากล่าว หาผมว่า ไม่คืนเงินบ้าง? ไม่ได้ทำงานบ้าง? แบบนี้มันถูกเหรอครับ! แล้วยังมาโพสต์ข้อความหลายครั้ง ทำให้ผมเสียหายแก่ชื่อเสียง เอาดีเข้าตัว มันเกินไปครับ! ไม่เหมาะสมอย่างมาก
3. และนอกจากนี้ผมยังได้โทรศัพท์ประสานงานไปหาทนายอาจารย์เดชา เพื่อขอไม่ให้ ลูกความของอาจารย์เดชาไปออกรายการต่างๆ อาจารย์เดชาก็ตอบตกลง
ส่วนกรณีที่พูดว่าผมเป็นพวกเดียวกับอาจารย์เดชา นั้นไม่จริงเลยครับ การอยู่ในวงการทนาย มันก็เป็นธรรมดาที่ต้องรู้จักกันเท่านั้น ต่างฝ่ายก็ต่างทำหน้าที่ของลูกความ ก็เท่านั้นครับ
4. หลังจากที่ผมยุติงาน ผมก็ส่งข้อความไปแจ้งกับพนักงานสอบสวน ว่าผมไม่ได้ทำแล้ว โดยให้เหตุผลว่าความเห็นไม่ตรงกันเท่านั้น และ พนักงานสอบสวนท่านนี้ก็น่ารักและ ให้ความเคารพ ให้เกียรติผม ยังส่งข้อความกลับมา อยากให้ผมเป็นทนายต่อ เพื่อหาทางออกร่วมกัน
5. ยังมีการโพสต์ว่าผมเรียกเงินเพื่อออกรายการ 2-3 แสนบาท นั้นยิ่งไม่เป็นความจริงใหญ่ เพราะผมไม่เคยที่จะคุยกับโปรดิวเซอร์ หรือพี่หนุ่มกรรชัยในเรื่องนี้ เพื่อขอให้มาออกรายการเลยครับ ถามทุกคนได้ครับ
*ผมอยู่ในวิชาชีพนักกฎหมายมาร่วม 30 ปี ไม่เคยมีเรื่องไม่ดีเลย , ใช้ชีวิตตามฐานานุรูป ,ไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่เคยใช้ชีวิตซับซ้อนเลย ถือคติว่า “คนเก่งไม่เรื่องมาก-คนดีไม่มากเรื่อง” มาโดยตลอด
ผมไม่ใช่คนที่จะไปเอาเปรียบใคร!!! และอยากจะบอกทนายท่านหนึ่งที่มาโพสต์แซะผม , ก่อนจะแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา ควรได้ข้อเท็จจริงครบทุกด้านก่อน ไม่ใช่โพลต์ไปเรื่อย ให้เกียรติคนอื่นบ้าง พอคนอื่นไม่ชอบที่เราโพลต์ ก็ไม่พอใจเขา ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง
ผมก็ไม่ได้มีสิทธิและเจียมตัวครับที่จะไปอบรมสั่งสอนใคร? และพื้นฐานผมเป็นคนให้เกียรติคนอื่น โดยเฉพาะอาชีพทนายความครับ เพราะผมรักและเคารพอาชีพนี้มาก ที่สำคัญ เพราะผมเป็น“ทนายอาชีพ-ไม่ใช่อาชีพทนาย” ครับ
สุดท้ายแต่เพียงอยากจะพูดลอย ๆ ดีชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ อยากให้ใครทำดี พูดดีกับเรา เราก็ต้องทำดีและพูดดีกับเขาเช่นกัน และคนจะดีจะเก่งมันต้องให้คนอื่นเป็นคนบอกครับ
ดังนั้นจึงขอใช้สิทธิตามกฏหมายครับ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปู มัณฑนา เปิดแชตหลักฐาน โต้ทนายแก้ว หากโดนหมายจับ ใครรับผิดชอบ
- ปู มัณฑนา งัดหลักฐาน โต้ทนายแก้ว ยันจ้างทำคดีเดียว ท้าโทรเช็กเจ้าหน้าที่
- ทนายแก้ว แจงปม ดาราสาว ร้องค่าทำคดีแสนห้า พี่หนุ่มถามชัด คืนเงินเขารึยัง?
อ้างอิงจาก : FB ทนายแก้ว, Pou Mantana