ข่าวต่างประเทศ

รู้จัก นาฬิกาวันสิ้นโลก นับถอยหลังสู่เที่ยงคืน สัญญาณเตือนหายนะ มนุษยชาติ

รู้จัก นาฬิกาวันสิ้นโลก คืออะไร นับถอยหลังสู่เที่ยงคืน สัญญาณเตือนหายนะ มนุษยชาติ ล่าสุดปี 2025 ปรับเวลาใกล้ที่สุดที่เคยมีมา

เสียงเข็มนาฬิกาที่เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มักเป็นสัญลักษณ์เตือนใจให้มนุษย์ตระหนักว่าเวลาเดินไปเรื่อย ๆ และทุกวินาทีมีค่า แต่สำหรับ “นาฬิกาวันสิ้นโลก” (Doomsday Clock) เข็มที่เดินกลับเป็นสัญญาณแห่งความหวั่นเกรง ว่าหากมนุษย์ยังคงมองข้ามภัยคุกคามที่ตนเองก่อขึ้น ในสักวันหนึ่งเข็มนั้นอาจชี้ไปที่เที่ยงคืน — “หายนะ” ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

Advertisements

ต้นกำเนิดนาฬิกาวันสิ้นโลก สัญลักษณ์แห่งยุคนิวเคลียร์

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกได้ก้าวเข้าสู่ “ยุคนิวเคลียร์” อย่างเต็มตัว การพัฒนาระเบิดปรมาณูภายใต้โครงการแมนฮัตตันของสหรัฐอเมริกา แม้จะนำไปสู่การยุติสงคราม แต่ก็ได้เผยให้เห็นพลังอำนาจทำลายล้างอันมหาศาลซึ่งอาจย้อนกลับมาทำร้ายมนุษยชาติเอง นักวิทยาศาสตร์หลายคนที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวต่างตระหนักในความรับผิดชอบทางจริยธรรม จึงรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่ม

หรือ นักวิทยาศาสตร์ด้านอะตอมแห่งชิคาโก เพื่อเป็นกระบอกเสียงเตือนสังคมถึงภัยร้ายของอาวุธนิวเคลียร์ โดยพวกเขาได้เริ่มตีพิมพ์จดหมายข่าว และต่อมาได้พัฒนาขึ้นเป็น Bulletin of the Atomic Scientists ซึ่งเป็นนิตยสารเผยแพร่มุมมองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อสาธารณะ

ในหมู่นักวิทยาศาสตร์ผู้บุกเบิกยุคนี้ มีบุคคลสำคัญอย่าง ยูจีน ราบิโนวิช ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและมีบทบาทกำหนดแนวคิดต่าง ๆ ของ Bulletin รวมถึง อเล็กซานเดอร์ แลงส์ดอร์ฟ จูเนียร์ นักวิจัยจากโครงการแมนฮัตตันและเป็นสามีของศิลปิน มาร์ทิล แลงส์ดอร์ฟ ผู้สร้างสรรค์สัญลักษณ์ “นาฬิกาวันสิ้นโลก” ขึ้นบนหน้าปกของ Bulletin เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1947

มาร์ทิล แลงส์ดอร์ฟ วาดภาพนาฬิกาวันสิ้นโลก เป็นครั้งแรกบนปกนิตยสารในปี ค.ศ. 1947

เธอตั้งใจวาดเข็มนาฬิกาให้ใกล้เที่ยงคืนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสื่อถึงการนับถอยหลังสู่หายนะ หากมนุษยชาติยังคงเดินหน้าผลิตอาวุธร้ายแรงโดยไม่ตระหนักถึงผลลัพธ์ ในช่วงเวลาเริ่มต้นนั้น นาฬิกาถูกกำหนดไว้ที่ “7 นาทีถึงเที่ยงคืน” เพื่อสื่อว่าความเสี่ยงระดับโลกได้เกิดขึ้นแล้ว และเพียงแค่ “ไม่กี่นาทีก่อนถึงศูนย์” มนุษย์อาจต้องเผชิญหน้ากับจุดสิ้นสุดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หากไม่ลงมือแก้ไขอย่างเร่งด่วน

Advertisements

การใช้ “เที่ยงคืน” เป็นเส้นแบ่ง สะท้อนถึง “จุดจบ” ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

นาฬิกาปรับเข็มวันสิ้นโลก เดินตามสถานการณ์โลกจริง

นาฬิกาวันสิ้นโลกเป็นตัวชี้วัดเชิงสัญลักษณ์ของภาวะเสี่ยงที่มนุษยชาติกำลังเผชิญในแต่ละช่วงเวลา คณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความมั่นคง (Science and Security Board) ของ Bulletin of the Atomic Scientists ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ตั้งแต่นักฟิสิกส์ นักรัฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและสภาพภูมิอากาศ รวมถึงคณะ “Board of Sponsors” ที่มีสมาชิกเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบล จะทำการประชุมกันในช่วงต้นปี (โดยทั่วไปคือเดือนมกราคม) เพื่อประเมินสถานการณ์โลกอย่างรอบด้านว่า “เรากำลังเข้าใกล้ภาวะหายนะมากน้อยเพียงใด” ก่อนตัดสินใจว่าจะปรับเข็มนาฬิกาให้เดินหน้า เข้าใกล้เที่ยงคืน หรือถอยหลังออกห่าง

เวลาที่ขยับเข็มบนหน้าปัดนั้น ไม่ใช่คำทำนายว่าโลกจะแตกเมื่อไร แต่เป็น “สัญญาณเตือนภัยระดับโลก” ที่สะท้อนปัจจัยเสี่ยงสำคัญ อาทิ การสะสมและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเคยเป็นประเด็นหลักในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อเนื่องสู่ยุคสงครามเย็น แต่ปัจจุบันได้ขยายขอบเขตไปยังประเด็นใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กลายเป็นวิกฤตเรื้อรังในหลายพื้นที่ของโลก ภัยคุกคามทางชีวภาพ จากโรคอุบัติใหม่ที่อาจแพร่กระจายในวงกว้าง ไปจนถึง เทคโนโลยีที่อาจถูกใช้ในทางมิชอบ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งทุกส่วนล้วนเพิ่มโอกาสให้ “เข็มเดินหน้า” มากยิ่งขึ้น

สงครามโลกครั้งที่ 2

ตลอดเส้นทางกว่า 70 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หลายครั้งที่ส่งผลให้นาฬิกาเดินหน้าอย่างน่ากังวล เช่น ช่วงที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตทดสอบอาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์ในปี ค.ศ. 1953 จนเข็มเลื่อนมาอยู่ที่ 2 นาทีเที่ยงคืน หรือในทางตรงกันข้าม เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลงพร้อมการลงนามสนธิสัญญาการลดอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ (START I) ในปี ค.ศ. 1991 นาฬิกาถูกปรับให้ถอยหลังออกไปไกลถึง 17 นาที ก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกดูจะมีความหวังมากที่สุด

การขยับเวลาแต่ละครั้งไม่เพียงบ่งบอกถึง “ระดับความตึงเครียด” ระหว่างประเทศมหาอำนาจ หากยังสะท้อนถึงความร่วมมือหรือความขัดแย้งในเวทีโลกด้วย การปรับนาฬิกาจึงมีนัยทางสัญลักษณ์สูง เพื่อกระตุ้นให้ทั้งผู้นำและสาธารณชนตระหนักว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจผลักเราเข้าใกล้ภาวะหายนะได้ทุกเมื่อ หากไม่ระมัดระวังและร่วมมือกันป้องกันไว้อย่างมีสติและยั่งยืน

ปรับเข็มนาฬิกาวันสิ้นโลก ปี 2025

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 คณะนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านปรมาณู ในนครชิคาโก ของสหรัฐได้ตกลงปรับเข็มนาฬิกาปีนี้เข้าใกล้เที่ยงคืนเพิ่ม 1 วินาที ทำให้ปัจจุบัน อยู่ที่ 89 วินาที หรือ 1 นาที 29 วินาทีก่อนเที่ยงคืน

สาเหตุของการเพิ่มเวลานักวิทยาศาสตร์อ้างว่า มาจากปัจจัยสงครามรัสเซียยูเครนที่ยืดเยื้อมาเป็นปีที่ 3 แล้ว ส่อเค้าบานปลายเป็นสงครามที่รบกันด้วยนิวเคลียร์ในอนาคต รวมถึงความขัดแย้งในประเทศตะวันออกกลาง-อิสราเอล กลับมาปะทุอีกครั้ง

ส่วนสาเหตุธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นโลกเดือด ทำให้ปีนี้นับเป็นปีที่โลกเหลือเวลาสั้นที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์

อดีตประธานาธิบดีโคลอมเบีย ฮวน มานูเอล ซานโตส (ซ้าย) และโรเบิร์ต โซโกโลว สมาชิกวารสาร Bulletin of the Atomic Scientists เปิดเผยนาฬิกาวันสิ้นโลกซึ่งตั้งไว้ที่ 89 วินาทีก่อนเที่ยงคืน ในระหว่างการแถลงข่าวที่สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา ในวันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2568 ในกรุงวอชิงตัน
(AP Photo/Mark Schiefelbein)

ตารางปรับเวลา นาฬิกาวันสิ้นโลก อดีตจนถึงปัจจุบัน

ปี ค.ศ. เวลา เหตุการณ์สำคัญ
1947 7 นาที ก่อตั้ง Bulletin of the Atomic Scientists และกำหนดเวลาเริ่มต้นของนาฬิกาวันสิ้นโลก
1949 3 นาที สหภาพโซเวียตทดสอบระเบิดปรมาณูลูกแรก
1953 2 นาที สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตทดสอบอาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์
1960 7 นาที ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
1963 12 นาที สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตลงนามในสนธิสัญญาห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์บางส่วน
1968 7 นาที สงครามเวียดนาม สงครามอินโด-ปากีสถาน และสงครามหกวัน
1969 10 นาที สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
1972 12 นาที สนธิสัญญาจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ (SALT I) และสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธ (ABM)
1974 9 นาที อินเดียทดสอบระเบิดปรมาณู
1980 7 นาที สงครามโซเวียต-อัฟกานิสถาน
1981 4 นาที ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตเพิ่มสูงขึ้น
1984 3 นาที ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
1988 6 นาที สนธิสัญญากำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF)
1990 10 นาที การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน และการสิ้นสุดของสงครามเย็น
1991 17 นาที สนธิสัญญาการลดอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ (START I)
1995 14 นาที ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์หลังยุคโซเวียต
1998 9 นาที อินเดียและปากีสถานทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
2002 7 นาที ความกังวลเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
2007 5 นาที โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและอิหร่าน
2010 6 นาที ความร่วมมือระหว่างประเทศในการลดอาวุธนิวเคลียร์
2012 5 นาที การขาดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
2015 3 นาที การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
2017 2 นาที 30 วินาที ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย
2018 2 นาที ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสงครามนิวเคลียร์
2020 1 นาที 40 วินาที ภัยคุกคามจากสงครามนิวเคลียร์และการละเลยปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
2023 1 นาที 30 วินาที สงครามรัสเซีย-ยูเครน
2025 1 นาที 29 วินาที สงครามในยูเครน การแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยคุกคามทางชีวภาพ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

แม้นาฬิกาวันสิ้นโลกจะถูกยอมรับในฐานะ “สัญลักษณ์เตือนภัย” ที่ทรงพลัง แต่ก็มีผู้มองว่านาฬิกาเป็นเพียงตัวเลขเชิงสัญลักษณ์ ไม่ได้สะท้อนงานวิเคราะห์เชิงปริมาณที่เข้มข้น หรือบางครั้งก็ถูกนำไปใช้เป็นแรงกดดันทางการเมืองเพื่อเรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจลดอาวุธนิวเคลียร์หรือสร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามุมมองไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “การที่นาฬิกาเข้าใกล้เที่ยงคืน” ได้กระตุ้นให้ผู้คนทั่วโลกหันมาตระหนักถึงความเปราะบางของสังคมมนุษย์

ภัยคุกคามต่าง ๆ ที่ถาโถมอยู่ไม่ใช่ปัญหาที่รัฐใดรัฐหนึ่งจะแก้ไขได้ด้วยตนเอง หากแต่ต้องอาศัยความร่วมมือบนเวทีนานาชาติควบคู่ไปกับการตื่นรู้ของประชาชนทุกคน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ การลงนามสนธิสัญญาควบคุมและลดอาวุธร้ายแรง ล้วนเป็น “ก้าวเล็ก ๆ” ที่สามารถนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงใหญ่

ในมิติระดับบุคคล เราทุกคนสามารถเป็นฟันเฟืองในระบบนิเวศนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนโครงการหรือองค์กรที่ทำงานด้านสันติภาพและสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างกระแสสังคมเชิงบวก เพราะทุก “วินาที” ที่เหลือ ก่อนเข็มชี้ไปที่เที่ยงคืน อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่มวลมนุษยชาติจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอนาคตที่ยัง “ไม่สายเกินไป”

“นาฬิกาวันสิ้นโลก” คือเครื่องเตือนว่า มนุษย์กำลังเดินทางอย่างเร่งรีบไปสู่วิกฤติ แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้เราถอยกลับมาแก้ไข ก่อนถึงวินาทีสุดท้ายของการนับถอยหลัง”

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button