ป้าเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แค้นตามข่าวทุกวัน เจอตุ๋น 1.2 ล้าน เคสแรก “บัญชีม้านิติบุคคล”
คุณป้าเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แค้นใจตามข่าวตลอด แต่สุดท้ายติดกับหลงโอน 1,235,200 บาท ให้มิจฉาชีพ ตำรวจไซเบอร์ เผยเคสแรก บัญชีม้าเป็นบริษัทนิติบุคคล ลูกสาววอนโซเชียลขอวิธีช่วยเหลือ ครอบครัวสูญเงินเก็บทั้งชีวิต ไม่คิดเรื่องจะเกิดกับครอบครัวตัวเอง
จากกรณี ลูกสาวออกมาเล่ากรณีที่แม่ของตัวเองตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ โดยเปิดเผยรายละเอียดความเสียหายทั้งหมดเบ็ดเสร็จ 1,235,200 บาท รวมถึงเบอร์ที่มิจฉาชีพใช้โทรเข้ามา เหตุการณ์นี้ไม่คาดคิดจะเจอกับตัว ทั้งๆ ที่แม่ของตัวเองก็ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งออกอาละวาดอยู่เป็นประจำ
แต่สุดท้ายด้วยความที่มีโรคประจำตัว คือ แพนิค (Panic Disorder) ประกอบกับอุบายและตราประทับที่ปลอมแปลงขึ้นมา ทว่าแนบเนียนพอให้เหยื่อตายใจ สุดท้ายมิจฉาชีพฉวยโอกาสหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชี 2 เที่ยว ตกเที่ยวละไม่ต่ำกว่าครึ่งแสน แถมเคสนี้กลุ่มคนร้ายยังใช้ที่อยู่ของคนอื่น ซึ่งเจ้าของบ้านตัวจริงไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทผ่านระบบออนไลน์ ให้คนหลงเชื่อ แถมยังหลอกไปยันเจ้าหน้าที่ของธนาคารด้วยการปลอมเป็นผู้เสียหายแล้ว ติดต่อไปอ้างว่า “มือถือหายขอให้บล็อกแอปฯ”
ข้อมูลจากที่เล่าในโพสต์เฟซบุ๊ก ทราบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่าง วันที่ 20-24 ม.ค.ที่ผ่านมา ครั้งแรก 21 ม.ค.68 พูดคคุยโน้มน้าวให้ซื้อสินค้า เหยื่อไม่เอะใจอะไร
วันถัดมาโทรมาอีกครั้งอ้างเป็นค่ายมือถือเอไอเอส (AIS) คราวนี้ออกอุบายชื่อของคนเป็นแม่นั้นถูกนำไปใช้เป็น “บัญชีม้า” และด้วยความที่แม่เป็นแพนิคจึงหลงเชื่อทำตามคำสั่ง
โดยปลายทางที่หลอกให้เหยื่อ “กดเพิ่มเพื่อนในบัญชีไลน์นั้น เป็นบัญชีปลอมซึ่งแอบอ้างสถานีตำรวจภูธรเมืองตาก (ภ.จว.ตาก สภ.เมืองตาก) เหยื่อยอมถ่ายรูปบัญชีทรัพย์สินส่งไปให้โดยไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะถูกขู่ว่าครอบครัวจะถูกจับทั้งหมด
แต่วันที่ 23 ม.ค.68 คนร้ายโทรมาอีกขู่หลอกให้โอนเงิน 700,000 บาท จะตรวจสอบและดูแลเงินให้ ไม่เช่นนั้นจะถูกอายัดทั้งหมด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มิจฉาชีอีกคนซึ่งร่วมขบวนการเดียวกันปลอมเป็นผู้เสียหายแล้วโทรไปแจ้งกับธนาคารว่ามือถือหายขอให้บล็อแอปฯ ให้ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่าโจรร้ายสามารถอายัดบัญชีได้จริงๆ สุดท้ายเหยื่อโอนเงินไให้รอบแรก 700,000 บ.
แต่คนร้ายยังไม่หนำใจ วันศุกร์ที่ 24 ม.ค. ติดต่อมาเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้ออกอุบายให้นำทองคำไปจำนำไม่อย่างนั้นโดนยึด เหยื่อโอนเงินสดไปบัญชีปลายทาง แต่เป็นบัญชีม้านิติบุคคลชื่อ “บริษัท อมุนดิ สมาร์ท จำกัด” โดยโอนไป 2 ครั้ง เป็นเงิน 535,200 บ. เบ็ดเสร็จความเสียหายอยู่ที่ 1,235,200 บาท
หลังเกิดเรื่องลูกสาวบอกว่าได้โทรไปแจ้งตำรวจไซเบอร์ 1441 และไปแจ้งความที่สภ.เมืองปทุมธานี ซึ่งตำรวจบอกว่าอัายัดบัญชีปลายทางแล้วและอยู่ระหว่างหาข้อมูล ก่อนจะบอกให้ส่งรายละอียดไว้ทางไลน์แล้วกลับไปรอ โดยสัปดาห์หน้าเจ้าหน้าที่จะไล่อ่านเพราะคดีเยอะ ต้องสืบเส้นทางการเงิน
ล่าสุดช่อง 3 ไปคุยกับคุณนงคราญ อายุ 62 ปี ผู้เสียหายที่ลูกสาวนำเรื่องราวมาร้องเรียนโดยคนเป็นแม่เปิดเผยว่า ตอนแรกมีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาจะขายสินค้าซึ่งเป็นคอลลาเจน คุยกันนาน 30 นาที ไม่ได้ผิดสังเกตอะไร กระถั่งอีกวันต่อมาที่เกิดเรื่อง คนร้ายมีการต่อสายอ้างให้คุยกับตำรวจ ขู่ให้ถ่ายรูปทรัพส์สินที่มี-รูปที่พักอาศัยด้วย
ทั้งนี้ ผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตแต่ละสายที่โทรเข้ามาพยายามหลอกถามข้อมูลเช่น อยู่คนเดียวใช่ไหม ลูกสาวไปทำงานกี่โมง นอกจากนี้ยังขู่เอากฎหมายมาอ้าง ถ้าไม่ปฏิบบัติตามจะถูกจำคุก อีกทั้งยังมีตราประทับราชการที่ตคอนนั้นหลงเชื่อเพราะจับสังเกตไม่ทัน พอคุยอะไรกันเสร็จให้ลบข้อมูลออกทั้งหมด
ถึงตรงนี้ผู้เสียหายสารภาพยังอยู่ในอาการที่ช็อกหนัก เพราะเงินที่ถูกหลอกให้โอนไปเป็นเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต รวมถึงยังมีเงินเกษียนของสามี ขณะะที่ลูกสาวก็๋อยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยลงมาดูแลเรื่องนี้แบบจริงจังเพราะปัจจุบันไม่ไดม้มีแค่ครอบครัวของเธอแต่ยังมีอีกหลายคนที่ต้องมาเจอความเสียหายที่ร้ายแรงเช่นนี้
เวลานี้ลูกสาวยอมรับว่ากลัวแม่จะทำร้ายตัวเองเนื่องจากเพิ่งผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงนี้มาด้วย.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จุกอก น้องถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋น 5 แสน พี่สาวกู้เงินหวังช่วย ก่อนเป็นเหยื่อซ้ำสูญอีก 7 ล้าน
- อย่าซ้ำเติม ชาล็อต ป่วยแพนิค-ซึมเศร้า เหยื่อสูญเงิน 4 ล้าน ให้มิจฉาชีพ
- มูลนิธิกระจกเงา เล่าย้อนเคสบีบหัวใจ เด็ก 15 ถูกพาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์