ข่าวต่างประเทศ

วิกฤต สธ.ญี่ปุ่นเผยปีที่แล้ว เด็กนักเรียนฆ่าตัวตาย 527 คน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

เป็นตัวเลขที่น่าวิตกกังวลไม่น้อย เมื่อกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เผยตัวเลข เด็กนักเรียนฆ่าตัวตาย 527 คน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์

รายงานจากสื่อในญี่ปุ่นได้มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาว่า เมื่อปี 2024 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 20,268 คน ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนเด็กและนักเรียนที่ฆ่าตัวตายนั้นพุ่งสูงถึง 527 คน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

Advertisements

กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการ ได้เปิดเผยตัวเลขของผู้ฆ่าตัวตายในปีที่ผ่านมาว่ามีจำนวน 20,268 คน ลดลงจากปีก่อน 1,569 คน ซึ่งนับเป็นจำนวนน้อยเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติในปีโชวะที่ 53 (ค.ศ. 1978) เมื่อแบ่งตามเพศ พบว่าเป็นชาย 13,763 คน และหญิง 6,505 คน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเด็กและนักเรียนมีจำนวนสูงถึง 527 คน ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมในปีเรวะที่ 4 (ค.ศ. 2022) ที่มีจำนวน 514 คน จึงกลายเป็นจำนวนสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยแบ่งเป็นแต่ละระดับออกมาได้ดังนี้

  • นักเรียนมัธยมปลาย 349 คน คิดเป็นเกือบ 70% ของทั้งหมด
  • นักเรียนมัธยมต้น 163 คน
  • นักเรียนประถมศึกษา 15 คน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มนักเรียนหญิงระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย ดังนี้

  • นักเรียนหญิงมัธยมต้น เพิ่มขึ้น 19 คน จากปีก่อน เป็น 99 คน
  • นักเรียนหญิงมัธยมปลาย เพิ่มขึ้น 17 คน จากปีก่อน เป็น 183 คน

ขณะที่สาเหตุและแรงจูงใจแยกตามอายุ สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 19 ปีพบว่า มีจากปัญหาจากที่โรงเรียน ทั้ง ผลการเรีบนไม่ดี และความกังวลเกี่ยวกับอนาคต ที่มากถึง 349 เคส, ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคซึมเศร้า 284 เคส และปัญหาครอบครัว เช่น ความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่และลูก 148 เคส

Advertisements

กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการ กล่าวว่า “เรามองว่าการที่จำนวนเด็กและนักเรียนที่ฆ่าตัวตายพุ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นั้นเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรง แม้จะมีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุ แต่เราจะทำการวิเคราะห์และร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหานี้”

ทางด้าน องเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทาจิบานะ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “รัฐบาลตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาการฆ่าตัวตายของเด็กนักเรียน และกำลังดำเนินมาตรการร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการสนับสนุนระบบให้คำปรึกษาผ่าน โซเชียลมีเดีย เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ต่อไป”

อ้างอิง : www3.nhk.or.jp

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Bas

ผู้สื่อข่าวกีฬา จบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีประสบการณ์เขียนข่าวกีฬากับ SMMSport กว่า 10 ปี เริ่มทำงานกับ Thaiger เมื่อ 2021 ชอบและติดตามกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะฟุตบอลทั้งบอลไทย และต่างประเทศ 5 ลีกดังของโลก พร้อมอัปเดตข่าวสารวงการฟุตบอล แบบเข้าใจง่าย ให้เพื่อนๆและแฟนบอลได้ติดตามกันทุกวัน ช่องทางติดต่อ saral@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button