การใช้สีไม้เพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมแสนเพลิดเพลินที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถสนุกไปด้วยกันได้ ในร้านเครื่องเขียนหลาย ๆ ร้าน มักมี “สีไม้” และ “สีไม้ระบายน้ำ” วางขายคู่กันจนสร้างความงุนงงว่า ทั้งสองแบบนี้แตกต่างกันอย่างไร เลือกใช้อันไหนถึงจะเหมาะกับงานของเรา มารู้จักความต่าง วิธีใช้งานสีไม้ทั้งสองแบบให้เข้าใจ สร้างภาพให้สวยสดใสกันดีกว่า
1. เนื้อสีและความเข้มข้น
สีไม้ (Colored Pencils) ทั่วไป มีเนื้อไส้สีที่ผสมสารยึดเกาะและไขบางชนิด ทำให้เวลาเขียนลงบนกระดาษ สีจะออกมาเป็นเฉดที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับแรงกด แรงระบาย และผิวกระดาษ ส่วนใหญ่สีไม้ทั่วไปจะไม่ละลายน้ำ จึงเหมาะกับงานฝึกฝนทักษะการลงน้ำหนัก การไล่โทนสี และการผสมสีแบบการระบายแห้งเป็นหลัก
สีไม้ระบายน้ำ (Watercolor Pencils) มีไส้สีผสมสารที่สามารถละลายน้ำได้ ทำให้เมื่อลงสีก่อนแล้วใช้พู่กันชุบน้ำแตะ หรือระบายซ้ำ สีจะละลายออกมาเหมือนสีน้ำ ช่วยเพิ่มเทคนิคและความหลากหลายในการทำงานศิลปะได้มากขึ้น ไม่ว่าจะใช้สีไม้ระบายแห้ง ๆ แบบสีไม้ทั่วไป หรือละลายน้ำทำให้ได้สีฟุ้งนุ่มแบบสีน้ำก็ทำได้อย่างอิสระ
2. วิธีการใช้งาน เทคนิค
สีไม้ทั่วไป เน้นการไล่ระดับสีด้วยน้ำหนักมือ ระบายสีทับซ้อนเพื่อสร้างเฉดสีต่าง ๆ ใช้ได้กับกระดาษที่ผิวเรียบหรือผิวหยาบเล็กน้อย เหมาะกับทั้งผู้เริ่มต้นและมืออาชีพที่ต้องการงานละเอียด เน้นเส้นสายคมชัด
สีไม้ระบายน้ำ สามารถระบายแห้งเหมือนสีไม้ปกติ หรือจะใช้พู่กันชุบน้ำแตะจุดที่ระบายสีไว้แล้วก็สามารถฟุ้งให้ดูเหมือนสีน้ำ ใช้เทคนิคพิเศษให้น่าสนใจขึ้นได้ เช่น ทาสีไม้ลงบนพาเล็ตต์ แล้วผสมน้ำก่อนจะระบายลงบนกระดาษ หรือระบายบนกระดาษแล้วค่อยแต้มพู่กันน้ำตามทีหลัง ใช้ได้ทั้งบนกระดาษวาดเขียนทั่วไปและกระดาษสำหรับสีน้ำที่มีความหนาและซับน้ำได้ดี
3. โทนภาพที่ได้
สีไม้ทั่วไป ผลงานภาพวาดส่วนมากเน้นความคมชัดของเส้นและสี ให้ความรู้สึกแข็งแรง เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน มีน้ำหนักในการระบาย สามารถผสานเทคนิคแรเงา (Shading) ได้ง่าย เน้นการควบคุมด้วยแรงมือ
สีไม้ระบายน้ำ ให้อารมณ์สีของภาพพลิ้วไหว นุ่มนวล เหมือนงานสีน้ำมากขึ้น เมื่อมีการละลายด้วยน้ำ สนุกกับการสร้างสรรค์เทคนิคหลากหลาย เช่น การผสมผสานสีไม้กับสีน้ำ ดูมีมิติมากกว่าการระบายแห้งเพียงอย่างเดียว
4. ราคา
สีไม้ทั่วไปราคาเริ่มต้นมักถูกกว่า มีหลายแบรนด์หลายเกรด ตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงศิลปินมืออาชีพ หากต้องการเพิ่มความลื่นในการระบายและความคมชัดของสี ควรลงทุนซื้อเกรดดีขึ้นมาอีกระดับ ขณะที่สีไม้ระบายน้ำะมีราคาสูงกว่าสีไม้ปกติ เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษในการละลายน้ำ ควรพิจารณาแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความคมชัดและความสม่ำเสมอของสีเมื่อละลายน้ำ หากคิดว่าเราต้องการเทคนิคสีน้ำแบบจัดเต็มหรือไม่ ก็ช่วยตัดสินใจว่าควรลงทุนมากน้อยแค่ไหน
5 แบรนด์สีไม้ระบายน้ำ ยี่ห้อดัง คุณภาพดี น่าลองใช้
1. เฟเบอร์-คาสเทลล์ (Faber-Castell)
จุดเด่น: คุณภาพสีแน่น ความเข้มข้นสูง สีสันสดชัด แม้ละลายน้ำก็ยังคงความสวยงามของเม็ดสีได้ดี
เหมาะกับ: ศิลปินมืออาชีพ หรือผู้ที่ต้องการลงทุนกับสีไม้ระบายน้ำเกรดพรีเมียม
มีอีกสายผลิตภัณฑ์อย่าง Goldfaber Aqua ซึ่งราคาย่อมเยาลง แต่ยังรักษามาตรฐานได้ดี
2. คารันดาช (Caran d’Ache)
จุดเด่น: ขึ้นชื่อเรื่องเม็ดสีคุณภาพสูง เนื้อสีเนียนละเอียด เมื่อละลายน้ำให้ความรู้สึกนุ่มนวล เสมือนใช้งานสีน้ำมือโปร
เหมาะกับ: คนที่ให้ความสำคัญกับความละเอียดและการเล่นเฉดสีได้หลากหลาย
ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแบรนด์ทั่วไป แต่คุณภาพระดับมืออาชีพ
3. เดอร์เวนท์ (Derwent)
จุดเด่น:
Watercolour Pencils เม็ดสีคมชัด เมื่อละลายแล้วให้ความนุ่มฟุ้งคล้ายสีน้ำดั้งเดิม
Inktense แม้ชื่อจะเป็นสีหมึก แต่ใช้เหมือนสีไม้ระบายน้ำ เมื่อแห้งจะกันน้ำ จึงสามารถทับซ้อนเลเยอร์อื่นได้ไม่เลอะ
เหมาะกับ: คนชอบทดลองเทคนิคใหม่ ๆ และต้องการสร้างชั้นสีหลายเลเยอร์
Inktense จะมีสีสดชัดและติดทนกว่าสีไม้ระบายน้ำปกติ แต่ต้องระวังเวลาระบาย เพราะหลังแห้งแก้ไขค่อนข้างยาก
4. สเต็ดเล่อร์ (Staedtler)
จุดเด่น: เนื้อสีค่อนข้างนุ่ม ระบายง่าย ราคามาตรฐาน สีละลายได้ดีพอสมควร เหมาะกับทั้งการใช้งานทั่วไปและงานกึ่งมืออาชีพ
เหมาะกับ: นักเรียน นิสิตนักศึกษา หรือผู้เริ่มต้นอยากลองฝึกเทคนิคสีน้ำแบบง่าย ๆ
หาซื้อได้ง่ายตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป และมักมีหลายขนาดชุดให้เลือก
5. พริสม่าคัลเลอร์ (Prismacolor)
จุดเด่น: เม็ดสีสด แนวโทนสีหลากหลาย มีความคงทนเมื่อระบายบนกระดาษคุณภาพ แบรนด์อเมริกันที่สายอาร์ตนิยม
เหมาะกับ: นักวาดภาพประกอบ หรือนักวาดสายลงสีจัดจ้าน และต้องการโทนสีที่หลากหลาย
ตัวแท่งสีอาจเนื้อนิ่มกว่าแบรนด์ยุโรปเล็กน้อย ต้องดูแลการเหลาและการกดมือระบาย