ช็อก! สกินแคร์แบรนด์ดัง The Body Shop ปิดกิจการทุกสาขาในไทย เปิดให้บริการวันสุดท้าย 31 ม.ค.นี้ ย้ำชัด “ปิดเพื่อพัก ไม่ใช่ลาจาก”
ทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหวอีกราย สำหรับ The Body Shop สกินแคร์แบรนด์ดังจากประเทศอังกฤษ ได้ออกมาแจ้งข่าวสำคัญให้ทางลูกค้าได้ทราบผ่านหน้าเพจเฟซบุ๊ก โดยเป็นการประกาศ ปิดกิจการทุกสาขาในไทย แต่ยังยืนหยัดว่า การปิดครั้งนี้ไม่ใช่การลาจาก เป็นเพียงการหยุดพัก แล้วจะกลับมาใหม่อีกครั้งเร็ว ๆ นี้
สวัสดีค่ะ ครอบครัว The Body Shop Thailand
เรามีเรื่องสำคัญอยากบอกให้ทุกคนทราบ
หลังจากหลายปีที่เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ความงามที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและจริยธรรม ตอนนี้ The Body Shop Thailand ขอพักเบรกสักครู่ แต่ไม่ใช่การลาจากนะคะ เป็นแค่การพูดว่า “อดใจรออีกนิด แล้วเจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้!”
ร้าน The Body Shop ทุกสาขาจะเปิดให้บริการวันสุดท้ายคือ วันที่ 31 มกราคม 2025 ดังนั้นนี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะตุนสินค้าสุดโปรด! ไม่ว่าจะเป็น Body Butter สุดคลาสสิก หรือเซรั่มวิตามินซีที่ทำให้ผิวเปล่งประกาย รีบมาช้อปก่อนสินค้าจะหมด!
ขอบคุณลูกค้าทุกท่านจากใจสำหรับทุกความรัก การสนับสนุนของคุณมีความหมายต่อเรามาก เราขอสัญญาว่าจะกลับมาพร้อมสิ่งดี ๆ มากมายให้คุณอีกครั้ง ดังที่ Dame Anita Roddick เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณคิดว่าคุณเล็กเกินไปที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง ลองนอนกับยุงดูสิ” อย่าหยุดทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น แล้วเราจะได้พบกันอีกในเส้นทางนี้
ด้วยรักและความซาบซึ้งใจ
The Body Shop Thailand
ท่ามกลางคอมเมนต์ของลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของร้านต่างก็ใจหายกันถ้วนหน้า พากันเสียดายที่อีกหนึ่งแบรนด์สกินแคร์รักโลกที่เลือกสรรวัตถุดิบธรรมชาติมาสร้างผลิตภัณฑ์ดี ๆ ให้คนได้ใช้ ต้องปิดตัวลงกะทันหัน แต่ก็จะยังรอการกลับมา
ประวัติ The Body Shop แบรนด์สกินแคร์ที่แคร์โลก
ร้าน The Body Shop แห่งแรกได้ถือกำเนิดขึ้นริมถนนเมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษ ในปี 1976 โดยฝีมือของ แอนนิตา ร็อดดิก (Anita Roddick) ผู้ขับเคลื่อนวงการเครื่องสำอางในยุคนั้น
แอนนิตามีแนวคิดที่อยากมอบความงามจากภายในสู่ภายนอก ไปพร้อมๆ กับการให้ความสำคัญในเรื่องของ สิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ The Body Shop ล้วนผลิตด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีความออร์แกนิกและอ่อนโยน ไม่ใช้สัตว์ในการทดสอบคุณภาพสินค้า และไม่ใส่ส่วนผสมที่มาจากสัตว์ลงในตัวผลิตภัณฑ์ของเธอทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น ไขมันสัตว์ ขี้ผึ้ง หรือแม้กระทั่งน้ำนม ดยยึดหลักของ ‘วีแกน’ (Vegetarition)
ด้วยแนวคิดที่โดดเด่น รวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้ The Body Shop สามารถครองใจลูกค้า และกลายเป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงปี 1980 จนทำให้มีการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังได้มีการขยายแฟรนไชส์ไปกว่า 3,000 สาขา ใน 66 ประเทศทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทย
นอกจากสกินแคร์รักษ์โลก ยังเป็นตัวแทนขับเคลื่อนสังคมด้วย
ตลอดระยะเวลา 49 ปีที่ The Body Shop ก่อตั้งขึ้น นอกจากจะเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติแล้ว พวกเขาก็ยังได้ออกแคมเปญเพื่อขับเคลื่อนสังคมในหลาย ๆ ด้านตลอดทุกปี ดังนี้
- ปี 1986 แคมเปญ SAVE THE WHALE
เป็นแคมเปญใหญ่ครั้งแรกของ The Body Shop ร่วมกับ GREENPEACE ในการรณรงค์เรื่องภัยคุกคามต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่อย่างวาฬ
- ปี 1988 แคมเปญ OZONE? OR NO OZONE
The Body Shop สนับสนุนประเด็นภาวะโลกร้อนร่วมกับ GREENPEACE ในการรณรงค์ต่อต้านการทำลายชั้นโอโซนโดยสาร CFCs
- ปี 1989 แคมเปญ STOP THE BURNING SAVE THE RAINFOREST
The Body Shop ได้รวบรวมลายเซ็นเกือบล้านรายการ เพื่อเรียกร้องให้ยุติการเผาป่าฝนในบราซิลที่เป็นประเด็น ณ ขณะนั้น รวมถึงหยุดยั้งโครงการเขื่อนครั้งใหญ่ด้วยการสร้างความตระหนักให้กับผู้คนถึงความสำคัญของพื้นที่ป่า
- ปี 1991 แคมเปญ AGAINST ANIMAL TESTING
The Body Shop เป็นแบรนด์แรกที่รณรงค์เกี่ยวกับประเด็นการทดลองในสัตว์ของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และยื่นคำร้องจากการลงประชามติของผู้คน 4 ล้านคนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป จนในปี 1998 สหราชอาณาจักรได้ประกาศห้ามการทดลองผลิตภัณฑ์ในสัตว์ สิ่งนี้คือการเคลื่อนไหวที่พวกเขาภูมิใจมากที่สุด
- ปี 1993 แคมเปญ OGONI PEOPLE
แคมเปญนี้สร้างความตื่นตัวให้กับผู้คนทั่วโลก ต่อเหตุการณ์ที่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ได้ข่มเหงรังแกชาวโอโกนีที่ออกมาประท้วงต่อต้านบริษัทน้ำมันและกลุ่มเผด็จการไนจีเรีย ถึงการใช้ประโยชน์จากพื้นที่บ้านเกิดของพวกเขามากเกินไป
- ปี 1997 แคมเปญ THE BIRTH OF RUBY
The Body Shop สนับสนุนแคมเปญให้ผู้คนเห็นคุณค่าในตัวเองผ่านตุ๊กตาชื่อ ‘Ruby’ พร้อมข้อความ “There are 3 billion women who don’t look like supermodels and only 8 who do.” (มีผู้หญิงสามพันล้านคนที่ดูไม่เหมือนซูเปอร์โมเดล และมีเพียงแปดคนที่ดูเหมือน) เพื่อมุ่งหวังทำลายอคติแบบเหมารวมต่อวงการความงาม
- ปี 1998 แคมเปญ MAKE YOUR MARK
พนักงานของ The Body Shop ได้คิดแคมเปญด้วยปรัชญา ‘Glocal’ ที่มาจากคำว่า Local และ Global เพื่อสื่อถึงปัญหาระดับท้องถิ่น แต่มีการมองผลลัพธ์ที่มีอิมแพกต์ระดับโลก ในการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับนานาชาติ นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังร่วมมือกับ AMNESTY INTERNATIONAL เพื่อเน้นย้ำถึงสถานการณ์อันเลวร้ายของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลกที่เกิดขึ้นขณะนั้น
- ปี 2002 แคมเปญ CHOOSE POSITIVE ENERGY
แคมเปญร่วมกับ GREENPEACE ที่ผลักดันแนวคิดพลังงานหมุนเวียนด้วยการปลูกฝังความรู้แก่พนักงาน และยื่นเรื่องร้องเรียนของลูกค้ากว่า 6 ล้านเสียงต่อการประชุมสุดยอดระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อมของแบรนด์อย่างแข็งขัน
- ปี 2003 แคมเปญ STOP VIOLENCE IN THE HOME
การรณรงค์ให้หยุดความรุนแรงในบ้าน แคมเปญระดับโลกที่สร้างขึ้นโดยเน้นประเด็นความรุนแรงในครอบครัวจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีการระดมทุนกว่า 2 ล้านปอนด์ เพื่อสนับสนุนผู้ที่เป็นเหยื่อจากความรุนแรงในบ้านสำหรับบางประเทศอีกด้วย
- ปี 2008 แคมเปญ STAYING ALIVE FOUNDATION
แคมเปญรณรงค์ให้ความรู้เรื่องเชื้อเอชไอวีและเอดส์ ผ่านทาง MTV ที่ระดมทุนตั้งแต่ปี 2008 – 2012 ได้มากกว่า 4 ล้านปอนด์ เพื่อบริจาคให้มูลนิธิ STAYING ALIVE FOUNDATION โดยเงินเหล่านี้ทำให้หนุ่มสาวได้ทำงานในชุมชนของตนเองในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV (เอชไอวี)
- ปี 2009 แคมเปญ STOP SEX TRAFFICKING OF CHILDREN AND YOUNG PEOPLE
ถือเป็นหนึ่งในแคมเปญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการรวบรวมรายชื่อผู้เห็นด้วยกว่า 7 ล้านคน และนำเสนอต่อผู้นำและคนสำคัญใน 40 ประเทศทั่วโลก โดยได้ความเห็นชอบจาก 20 ประเทศ สำหรับการให้คำมั่นที่จะออกกฎหมายใหม่เพื่อคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบหรือเสี่ยงต่อการค้าประเวณี
- ปี 2010 – 2013 แคมเปญ BE AN ACTIVIST
แคมเปญนี้รณรงค์ให้ความรู้เรื่อง HIV เอชไอวี เอดส์ และสร้างความร่วมมือกับ UN AIDS มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนพลังให้ผู้คนทั่วโลกว่า ทุกคนสามารถเป็นนักเคลื่อนไหวในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี โดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานะ ความเชื่อ หรือภูมิหลังของพวกเขาอีกด้วย
- ปี 2012 – 2021 แคมเปญ CRUELTY FREE INTERNATIONAL และ SAVE CRUELTY FREE COSMETICS
The Body Shop ได้ออกแคมเปญทั้ง 2 นี้มาพร้อมกันเพื่อต้องการตอกย้ำกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมความงามถึงเรื่องการห้ามใช้สัตว์ในการทดลอง และหยุดการกระทำอันโหดร้ายนี้ เพื่อให้เป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงในวงการเครื่องสำอางต่อไป
จากวันที่เฟื่องฟู สู่วันยื่นล้มละลาย
แม้ว่า The Body Shop จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากเป็นร้านเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่ใช่วัตถุดิบธรรมชาติล้วน แต่ก็ใช่ว่าไม่เจอทางตันเสียทีเดียว เพราะผลกระทบจากการเสื่อมความนิยม ทำให้แบรนด์นี้เข้าสู่ภาวะล้มละลาย และต้องปิดตัวลงไปกว่า 198 สาขาในอังกฤษ โดยคาดการณ์ว่าจะมาจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ คือ
การขยายตัวที่เร็วเกินไป โดยไม่ได้คำนึงถึงความอิ่มตัวของตลาด ทำให้แบรนด์ The Body Shop ประสบปัญหายอดขายตกลงจากเดิม และเกิดการขาดทุนสะสม
นอกจากนั้น ปัญหาการบริหารจัดการ ก็มีส่วนในการล้มละลายเช่นกัน เนื่องจากในปี 2006 แอนนิตาผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้ขายแบรนด์ให้กับ L’Oréal ในราคาเกือบ 30,000 ล้านบาท จนหลายฝ่ายเสียงแตกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แต่หลังจากนั้น 11 ปี THE BODY SHOP ถูกขายกิจการต่อให้กับผู้จำหน่ายเครื่องสำอางรายใหญ่ของบราศซิล ด้วยราคาเกือบ 40,000 ล้านบาท
และในปี 2023 THE BODY SHOP ก็ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้ง โดยถูกขายให้กับเจ้าของกิจการเสื้อผ้ากีฬาและแฟชั่นสัญชาติเยอรมัน ในราคาเท่าทุนคือ ประมาณ 10,000 ล้านบาท
ทว่าแม้จะเปลี่ยนมือเจ้าของใหม่มาถึง 2 ครั้ง และทำการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์อยู่เรื่อย ๆ ก็ยังไม่ได้ทำให้ยอดขายของ THE BODY SHOP กลับมาดีขึ้นได้เหมือนก่อน จึงทำให้มีการสั่งปิดกิจการบางส่วนลง และเริ่มเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการล้มละลาย
ล่าสุด 15 ม.ค. 68 THE BODY SHOP ก็ได้ประกาศปิดกิจการทุกสาขาในประเทศไทยลง โดยจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 31 มกราคม 2568 นี้เท่านั้น ท่ามกลางความเสียดายและใจหายของแฟน ๆ ผลิตภัณฑ์ชาวไทยจำนวนมาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เครื่องสำอางค์แบรนด์ดังอย่าง NYX ปิดให้บริการ ช็อปทุกสาขาในประเทศไทยแล้ว
- ยื้อไม่ไหว ศูนย์รถมาสด้า เมืองสกลนคร ประกาศเลิกกิจการ ให้บริการถึง 15 ม.ค.นี้
- ปิดอีกกิจการ ร้านชาบูดัง อำลาถาวร ลูกค้านักกินใจหาย
อ้างอิงจาก : FB The Body Shop, เว็บไซต์ urbancreature