เบี้ยผู้สูงอายุ มกราคม 2568 เข้าวันไหน ยังไม่ได้เงินเพิ่ม แม้คณะรัฐมนตรี อนุมัติอัตราใหม่ มีผลตามปีปฏิทินงบประมาณ 68
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือที่รู้จักกันในชื่อ เบี้ยยังชีพคนชรา เงินเข้าบัญชี วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2568 เป็นสวัสดิการที่รัฐบาลมอบให้กับผู้สูงอายุในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการดำรงชีพ ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เดิมทีรัฐบาลจ่ายเบี้ยยังชีพคนละ 500 บาทต่อเดือนสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ต่อมาได้มีการปรับปรุงเป็นการจ่ายแบบขั้นบันไดตามอายุ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบัน การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนี้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561
ล่าสุดปลายปีที่แล้ว คณะรัฐมนตรี เห็นชอบเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุคนชรา มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 ได้เงินตามนี้
- อายุ 60-69 ปี เดือนละ 700 บาท จากเดิม 600 บาท
- อายุ 70-79 ปี เดือนละ 850 บาท จากเดิมเดือนละ 700 บาท
- อายุ 80-89 ปี เดือนละ 1,000 บาท จากเดิมเดือน 800 บาท
- ตั้งแต่อายุ 90 ปีขึ้นไปเดือนละ 1,250 บาท จากเดิมได้เดือนละ 1,000 บาท
เกณฑ์การรับสิทธิ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุที่ต้องการรับเบี้ยยังชีพจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่ระบุไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 สามารถสรุปคุณสมบัติและรายละเอียดได้ดังนี้
คุณสมบัติ | รายละเอียด |
---|---|
สัญชาติ | มีสัญชาติไทย |
ภูมิลำเนา | มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามทะเบียนบ้าน |
อายุ | มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป |
การลงทะเบียน | ได้ลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น |
ลักษณะต้องห้าม | ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน |
เงินเบี้ยยังชีพคนชรา เดือนมกราคม 2568 ยังได้เรตเดิม
อายุ (ปี) | รับเงิน (บาท/เดือน) |
---|---|
60-69 | 600 |
70-79 | 700 |
80-89 | 800 |
90 ขึ้นไป | 1,000 |
เงื่อนไขคือ ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีบริบูรณ์สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมของปีนั้น และต้องรอจนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีถัดไป ก็จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนตุลาคมในปีนั้น ๆ
- กรอกแบบฟอร์ม “แบบคำขอลงทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ”
- แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่าย
- แนบสำเนาทะเบียนบ้าน
- แนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (เฉพาะหน้าที่แสดงชื่อและเลขที่บัญชี) สำหรับกรณีที่ต้องการรับเงินผ่านธนาคาร
หมายเหตุ: ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนด้วยตนเองได้ อาจมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2568
ในปี 2568 ยังไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการปรับขึ้นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การรับสิทธิ์ กระทรวงมหาดไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้การรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้สูงอายุที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ในปี 2568 สามารถยืนยันสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะแจ้งให้ผู้สูงอายุที่มีสิทธิทราบ และหากมีความประสงค์จะรับเงินเบี้ยยังชีพ ให้แนบเอกสารหลักฐานข้อมูลเพื่อยืนยันสิทธิ์ตนเองไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สำหรับผู้สูงอายุที่เกิดในปี พ.ศ. 2507 สามารถตรวจสอบเดือนที่จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพได้จากตารางนี้
วัน เดือน ปีเกิด | เดือนที่จะได้รับ | หมายเหตุ |
---|---|---|
เกิดก่อน 2 ตุลาคม 2507 | รับเดือนถัดไปจากเดือนที่มา | ยืนยันสิทธิ |
2 – 31 ตุลาคม 2507 | พฤศจิกายน 2567 | |
2 – 30 พฤศจิกายน 2507 | ธันวาคม 2567 | |
2 – 31 ธันวาคม 2507 | มกราคม 2568 | |
2 – 31 มกราคม 2508 | กุมภาพันธ์ 2568 | |
2 – 28 กุมภาพันธ์ 2508 | มีนาคม 2568 | |
2 – 31 มีนาคม 2508 | เมษายน 2568 | |
2 – 30 เมษายน 2508 | พฤษภาคม 2568 | |
2 – 31 พฤษภาคม 2508 | มิถุนายน 2568 | |
2 – 30 มิถุนายน 2508 | กรกฎาคม 2568 | |
2 – 31 กรกฎาคม 2508 | สิงหาคม 2568 | |
2 – 31 สิงหาคม 2508 | กันยายน 2568 | |
2 กันยายน 2508 – 1 ตุลาคม 2508 | รับเงิน งบประมาณ 2569 (ตุลาคม 2568) |
จากการศึกษาวิจัย พบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการให้บริการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกระบวนการขั้นตอนการให้บริการ และความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงในด้านต่างๆ เช่น การเพิ่มจำนวนเงินเบี้ยยังชีพให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน การปรับปรุงขั้นตอนการลงทะเบียนและการรับเงินให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และขั้นตอนการขอรับเบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะให้ส่งเสริมบทบาทองค์กรภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือ ประสาน และส่งต่อผู้สูงอายุให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการได้อย่างเหมาะสม
ที่น่าสนใจคือ มีผู้สูงอายุบางส่วนที่ได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลอื่นๆ นอกเหนือจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาถึงความเท่าเทียมกันในการจัดสรรทรัพยากรให้กับผู้สูงอายุทุกคน