การเงินเศรษฐกิจ

เงินสงเคราะห์บุตร ประกันสังคม 2568 เงินเข้าวันไหน เช็กเงื่อนไข เอกสารรับสิทธิ

เช็กวันโอน ‘เงินสงเคราะห์บุตร’ ประกันสังคม 2568 เพิ่มจาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท/เดือน เช็กวันโอนเงิน เอกสารยื่นรับสิทธิ์ เงื่อนไขและเกณฑ์ต่าง ๆ ได้ที่นี่

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้อนุมัติร่างกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีเงินสงเคราะห์บุตร ช่วยเหลือผู้ประกันตนที่มีบุตรตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 6 ปี เพิ่มเงินสงเคราะห์จากเดือนละ 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อบุตรหนึ่งคน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อช่วยลดภาระในการเลี้ยงดูบุตร และเพิ่มอัตราการมีบุตรในประเทศ อีกทั้งยังมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวไทยทุกคน

Advertisements

เงินสงเคราะห์บุตรปี 2568 เข้าบัญชีวันไหน?

สำนักงานประกันสังคมได้กำหนดวันโอนเงินสงเคราะห์ประจำปี 2568 โดนในเดือนมกราคม ผู้ประกันตนจะได้รับเงินในวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 ส่วนในเดือนอื่น ๆ สามารถเช็กได้ตามกำหนดการ ดังนี้

  • วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568
  • วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
  • วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568
  • วันพุธที่ 30 เมษายน 2568
  • วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม 2568
  • วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568
  • วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2568
  • วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568
  • วันอังคารที่ 30 กันยายน 2568
  • วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2568
  • วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2568
  • วันพุธที่ 31 ธันวาคม 2568

วันโอนเงินสงเคราะห์บุตรปี 2568

ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

สำหรับผู้ปกครองที่ประสงค์จะยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร ต้องเตรียมเอกสารประกอบการยืนยันตัวตนเพื่อนำไปยื่นแก่เจ้าหน้าที่ ประกอบไปด้วย

1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)

2. กรณีผู้ประกันตนเคยยื่นใช้สิทธิแล้วและประสงค์จะใช้สิทธิสำหรับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ

Advertisements

3. กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ

3.1 สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด

4. กรณีผู้ประกันตนชายใช้สิทธิ

4.1 สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตนหรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือ สำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด

4.2 สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วยจำนวน 1 ชุด)

5. กรณีเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลให้แนบสำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลด้วย จำนวน 1 ชุด

6. กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทนให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคมและสำเนาหนังสือเดือนทาง (passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1ชุด

7. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน 11 ธนาคาร ดังนี้

  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
  • นาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
  • ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารออมสิน
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรห์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

8. เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ กรณีเอกสารหลักฐานสำคัญต่อการพิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยและรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน

หลังจากที่จัดเตรียมเอกสารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ปกครองนำเอกสารไปยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขาที่สะดวก ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข

เอกสารที่ใช้ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร

ขอรับเงินสงเคราะห์บุตรย้อนหลังได้ไหม

หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยว่าว่าการยื่นเรื่องขอรับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรสามารถขอรับสิทธิได้ย้อนหลังได้หรือไม่ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ออกมาตอบแล้วว่า หากมีสิทธิตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนดจะได้รับสิทธิสงเคราะห์บุตรย้อนหลังไม่เกิน 2 ปีและได้รับเงินเฉพาะเดือนที่ผู้ประกันตนมีการนำส่งเงินสมทบเท่านั้น

ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน – Social Security Office หรือ สายด่วน 1506 กด 1 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิ

1. ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39

2. จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 400 บาทต่อบุตรหนึ่งคน

3. ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น ผู้ประกันตนชายสามารถดำเนินการให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ 3 วิธี คือ

3.1 จดทะเบียนสมรสกับมารดาบุตร

3.2 จดทะเบียนรับรองบุตร ณ ที่ว่าการอำเภอ/เขตที่สะดวก

3.3 กรณีไม่สามารถจดทะเบียนรับรองบุตรได้ ให้ยื่นคำร้องต่อศาลให้ศาลมีคำพิพากษาว่าเป็นบุตร

4. อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

เงื่อนไขเด็กที่มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตรต้องมีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์

ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน

1. ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน ในกรณีผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตร 3 คน ในคราวเดียวกันสามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้

2. จากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ

3. สำนักงานประกันสังคมจะมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา

4. พิจารณาสั่งจ่าย โดยจ่ายเป็นรายเดือนโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

หมดสิทธิรับเงินกรณีสงเคราะห์บุตรเมื่อใด

สำนักงานประกันสังคมชี้แจงว่าในกรณีที่ผู้ประกันตนหมดสิทธิรับเงินสงเคราะห์บุตร ประกันสังคม เนื่องจากบุตรมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์, บุตรเสียชีวิต, ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น หรือความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

ข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

sukanlaya s.

นักเขียนบทความ SEO ประจำเว็บไซต์ The Thaiger จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชี่ยวชาญงานเขียนประเภท ข่าวกระแสสังคม และบทความไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รีวิวที่เที่ยว เทรนด์แฟชั่นและความงาม พร้อมแนะนำกระแสมาแรง ทันเหตุการณ์ ช่องทางติดต่อ ying@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button