ข่าวการเมือง

คำ ผกา ขอชี้แจงแทน นายกฯ อุ๊งอิ๊ง สาเหตุยังไม่ลงพื้นที่ น้ำท่วมภาคใต้

‘คำ ผกา’ เปิดมุมมอง ประเด็นน้ำท่วมใต้ ทำไมนายกฯ ไม่ไป? ชี้หลักการชัด ชื่นชมอนุมัติงบไว โดนขุดคำพูดจะลงพื้นที่วันที่ 6 ธ.ค. ทัวร์ลงสนั่น ถามกลับทำไมไปเหนือได้ไม่ต้องรอ

กลายเป็นกระแสดราม่าอีกระลอก หลังจากกระแส ‘สามีคนใต้’ ซบเซาลง ล่าสุดโซเชียลส่วนหนึ่งออกมาทวงคำพูดนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่เคยให้คำตอบกับสื่อมวลชนว่ามีแผนลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในวนที่ 65 ธ.ค. 67 ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้

Advertisements

ด้าน ‘คำ ผกา’ หรือ แขก ลักขณา ปันวิชัย ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยตัวยง เมื่อเห็นหลายคนตั้งคำถามว่ามีอุทกภัยที่ภาคใต้ ทำไมนายกฯ ถึงไม่ลงไปดู จึงออกมาแสดงความคิดเห็น 3 ข้อ ตามทรรศนะของตนเอง โดยมองว่าแม้ตัวนายกฯ อุ๊งอิ๊งจะไม่ได้เดินทางไป แต่ก็สั่งการและมอบหมายให้ทุกหน่วยงานดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ โดยใช้รูปแบบเดียวกับตอนแก้ปัญหาน้ำท่วมที่อำเภอแม่สาย ทั้งยังชื่นชมว่ามีการอนุมัติเงินเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็วอีกด้วย

คำ ผกา แจงสาเหตุ นากอุ๊งอิ๊งไม่ลงพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้
ภาพจาก : X @kamphaka

นอกจากนี้ แขก คำ ผกา ยังกล่าวถึงระเบียบในการดูแลคความมั่นคงของผู้นำระดับประเทศซึ่งมีความเข้มงวดมาก โดยเฉพาะการเดินทางไปในพื้นที่ภาคใต้ หากนายกฯ เดินทางไปจึงต้องใช้ทั้งงบปะมาณจำนวนมาก และกองกำลังเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย การที่นายกฯ ไม่ลงพื้นที่จึงถูกมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะตำรวจจะได้ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องแบ่งกำลังมาดูแลในส่วนนี้

อีกทั้งยังมีการทิ้งท้ายไว้ว่า เธอเชื่อใจในตัวนายกรัฐมนตรีแพทองธาร หากเมื่อไหร่ที่น้ำลดและภาระของเจ้าหน้าที่ในการดูแลประชาชนลดลงแล้ว คาดว่าอุ๊งอิ๊งน่าจะเดินทางไปยังพื้นที่ภาคใต้ เพื่อพะปะประชาชนอย่างแน่นอน ซึ่งหากวันนั้นมาถึง คำ ผกา อยากขอติดตามท่านนายกฯ ไปด้วย

ชาวเน็ตตั้งคำถาม ทำไมนายกฯ ไม่ลงพื้นที่ ดูแลน้ำท่วมภาคใต้
ภาพจาก : X

หลังจากคำ ผกา ได้โพสต์ข้อความดังกล่าวลงใน X (ทวิตเตอร์) ได้มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งมองว่าสิ่งที่เป็นปัญหาคือการลั่นวาจาออกมา ว่าจะลงพื้นที่ในวันที่ 6 แต่กลับไม่ได้ทำตามแผน โดยไม่ได้ระบุว่าสาเหตุที่เลื่อนการเดินทางคืออะไร หรือเปลี่ยนกำหนดการเป็นวันที่เท่าไหร่ จึงทำให้มีคนคลางแคลงใจ และคาดคิดถึงเหตุผลไปเองต่าง ๆ นานา

ทั้งยังมีคนนำผลงานไปเปรียบเทียบกับยุครัฐบาลของ อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่สามารถลงพื้นที่อย่างเร่งด่วนได้โดยไม่รีรอ บางคนกล่าวอ้างว่าเป็นคนในพื้นที่ประสบภัย และรู้สึกไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ คำ ผกา นำเสนอ ถึงขั้นตัดพ้อว่าผู้นำประเทศเลือกที่รักมักที่ชัง เดินทางไปแก้ปัญหาที่ภาคเหนือได้ แต่ไม่ยอมลงมาภาคใต้เพราะมองว่าไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยด้วย

Advertisements

ส่วนคอมเมนต์อีกฝั่งหนึ่งมองว่าการที่นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่หรือไม่ ไม่น่าใช่ประเด็นสำคัญ เพราะแม้ว่าจะไม่ได้เดินทางไปแต่ก็มีอำนาจสั่งการเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานให้ดูแลประชาชนได้ อีกทั้งยังมีผู้ที่เห็นใจในภาระงานของนายกฯ ที่ต้องดูแลประชาชนหลายภาคส่วน จึงขอส่งกำลังใจให้แพทองธารทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด และรอเวลาที่เหมาะสมในการไปเยี่ยมเยียนประชาชนภาคใต้ต่อไป

นายกฯ อนุมัตงบประมาณ 5 พันล้าน ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
ภาพจาก : IG @ingshin21

อย่างไรก็ตาม วันที่ 4 ธ.ค. 67 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ครม. อนุมัติงบ 5,000 ล้านบาท เพื่อเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ โดยจะนำไปมอบให้ประชาชนครัวเรือนละ 9 พันบาท เพิ่มอีก 16 จังหวัด และขยายกรอบงบภัยพิบัติจาก 20 ล้าน เป็น 50 ล้าน ทั้งยังระบุว่า นายกฯ สั่งการให้ตนและตณะทำงานลงพื้นที่ภาคใต้ทันที เพื่อเร่งสำรวจความเสียหาย เนื่องจากสถานการณ์ความเดือดร้อนค่อนข้างหนัก

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 67 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยภาคใต้ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) โดยเน้นย้ำให้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี ที่มีน้ำท่วมขังจำนวนมาก

พร้อมสั่งการเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ให้เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักอีกระลอก ระหว่างวันที่ 12-16 ธันวาคม 2567 ในพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, สงขลา, พัทลุง, นราธิวาส, ยะลา และนราธิวาส

ทั้งนี้ รองโฆษกฯ ระบุว่ารัฐบาลได้ทำการอนุมัติ เพื่อจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 9,000 บาทเรียบร้อยแล้ว จากรายงานเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. แจ้งว่างบประมาณดังกล่าวไปถึงมือผู้ประสบภัยกว่า 297,844 ครัวเรือน มูลค่ารวมกว่า 2,700 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98.45% ของผู้ที่ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์ ซึ่งรัฐบาลได้ประสานธนาคารออมสินเป็นตัวกลาง โอนเงินเยียวยานี้ไปยังชาวบ้านผ่านระบบพร้อมเพย์.

อ้างอิง : X @kamphaka

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Woralada

นักเขียนเรื่องไลฟ์สไตล์ ข่าวบันเทิง และประเด็นการเมือง เวลาว่างชอบดูซีรีส์ อ่านวรรณกรรม และไปคอนเสิร์ตเพื่อต่อพลังงานชีวิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button