พ่อเหยื่อบีเอ็ม 3 ศพ เล่าทั้งน้ำตา ตอนไปเห็นที่เกิดเหตุ จิรันธนิน ยอมรับแค่ขับเร็ว
โหนกระแสวันนี้ พ่อเหยื่อบีเอ็ม 3 ศพ เสียงสั่นเล่ากับกรรชัยทั้งน้ำตา สูญเสียภรรยาลูกอีก 2 เสาหลักคอยช่วยดูย่าติดเตียง ย้อนเหตุสลดไปถึงที่เกิดเหตุ ไม่กล้าไปดูสภาพลูก คิดในใจต้องเหลือสักคน เจรจา 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ยังไร้วี่แววความยุติธรรมจนยังไม่ขอเผาร่างผู้เสียชีวิต
ประกฤษณ์ รันตภา หรือ “พ่อติ๊ก” บิดาของ 2 นักเรียนและสามีของหนึ่งหญิงสาวผู้เสียชีวิต 3 ศพ จากอุบัติเหตุ น.ส.จิรันธนิน แตงขาว อายุ 30 ปี ขับเก๋ง BMW พุ่งชน เปิดใจในโหนกระแสถึงเหตุการสูญเสียคนในครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ ขณะกลับจากเรียนพิเศษ โดยตำรวจตรวจสอบภาพในมือถือคนขับถ่ายหน้าปัดไมล์ ความเร็วถึง 207 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ล่าสุด พ่อติ๊กเล่ากับกรรชัย ตนเองแต่งงานกับ เย็นจิตร รัตนภา ภรรยาที่เสียชีวิตโดยอยู่กินกันมาได้ 20 กว่าปี ลูกคนโตอายุ 16 ปี เป็นผู้ชาย คนเล็กน้องผู้หญิงอายุ 14 ปี เหตุการณ์วันนั้นคือวันพุทธที่ 27 พ.ย. ตนไปทำงานที่ศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ตามปกติตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน
คุณพ่อผู้สูญเสียเปิดเผยว่า ก่อนออกจากบ้านตนมักพูดคุยกับเมียเรื่องไปรับลูกทุกวัน โดยเตือนเมียระวังให้ดีเวลาขี่รถจักรยานยนต์ แต่ภรรยามั่นใจเพราะขี่รับลูกมาตั้งแต่ลูกยังป.3 ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุแม้แต่ครั้งเดียว ตนได้ข่าวออกจากบ้านประมาณ 17.00 น. หลังจากภรรยาได้ให้อาหารแม่ยายที่ป่วยติดเตียง เสร็จจึงไปรับลูก แต่วันนั้นออกก่อนเวลา 17.10 น. เพื่อแวะไปรับรูปถ่ายของตนให้ก่อน
หลังจากได้รูปถ่ายแล้ว พ่อติ๊กจึงเล่าว่าภรรยาจึงไปรับลูกทั้งสอง วันนั้นน่าจะเลิก 18.00 น. คุณแม่รับออกจากเรียนพิเศษเวลา 18.10 น. ซอยศรีอภัยไปเส้นถนนโค้กซึ่งเส้นนี้ใช้ประจำที่ไปรับลูก เพราะวิ่งไปจะตรงอย่างเดียวจนถึงถนนเอเชีย ก่อนจะไปถึงสะพานที่เกิดเหตุ
พ่อติ๊กระบุว่า ตอน 1 ทุ่มตัวเองได้รับโทรศัพท์จากคุณครูที่เรียนพิเศษ ตอนแรกไม่ทราบเบอร์ใคร กระทั่งครูแจ้งว่าแม่กับน้องเกิดอบุัติเหตุสะพานเส้นตัดใหม่ ตรงขุนกระทิงแล้วเลี้ยวซ้าย ถนนใหม่ก่อนไปทางแยกโค้ก พอนึกได้ว่ามีสะพานนั้นสะพานเดียวจึงถามลูกกับเมียเป็นยังไงบ้าง แต่ครูแจ้งว่าไม่ทราบให้ไปที่เกิดเหตุ ตนคิดว่าจะล้มอะไรเช่นนั้น แต่พยายามทำใจประกอบกับลูกไม่เคยได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อน ส่วนอาการสาหัสหรือเจ็บแค่ไหนตอนนั้นไม่ทราบ
อย่างไรก็ดี หลังจากรีบขี่รถจักรยานยนต์จากศูนย์ไปรษณีย์ฯ เพื่อมาดูอาการของลูกเมียยังที่เกิดเหตุ บนถนนทางหลวงชนบทสาย จ. แยกโค๊ก-ทุ่งเบี้ย หมู่ 1 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร
ก่อนถึงที่เกิดเหตุคุณพ่อชายตาไปมอง อุบัติเหตุอยู่ทางขวามือมีชาวบ้าน-กู้ภัยมูลนิธิเต็มไปหมด มีผ้าขาวมูลนิธิคลุมศพไว้ครึ่งหนึ่ง ใจไม่ดีแล้ว พยายามทำใจไม่เป็นอย่างนั้น กระทั่งขี่รถไปกลับใต้สะพานเห็นคนน้องคนแรกนอนเสียชีวิต
โดยลูกสาวนอนหงาย เลือดโชกที่ศีรษะ ไปจับตัวลูกคิดว่ายังไม่เป็นไร แต่ตอนนั้นพยายามปลอใจตัวเอง ใจสลาย ลุกขึ้นยืน แม่นอนหงายอยู่บนถนนเหมือนกัน สภาพเลือดไหลท้างท้ายสมอง “ไปจับ อืม โอเคไปก็ไป” ปลอบใจตัวเองเสียแน่นอนแล้วแต่ตอนนั้นพ่อติ๊กยอมรับลึก ๆ ยังคิดว่าต้องเหลือสักคน จากนั้นถามมูลนิธิ ลูกชายยังโอเคหรือไม่ มูลนิธิไม่กล้าบอกแต่สภาพนอนอยู่ตีนสะพานคือคลุมผ้า เจ้าหน้าที่บอกเพียงว่าพ่อมาดูเองที่ตีนสะพาน แต่ตนไม่อยากไปดูเองจึงถาม “ลูกไม่รอดใช่ไหมครับ ?” กู้ภัยส่ายศีรษะอย่างเดียว บอก “ครับคุณพ่อ”
นายประกฤษณ์หรือ “พ่อติ๊ก” เบ่านาทีตัดสินใจเดินไปดูร่างของลูก สภาพลูกเสื้อขาดยู่ยี่ ตลอดรายละเอียดตรงนี้ฝั่งของแขกรับเชิญเสียน้ำตาอย่างมาก และเสียงสั่นเป็นบางช่วง ทำให้พอถึงตรงนี้ หนุ่ม กรรชัย จึงยื่นมือมาแตะไหล่ของอีกฝ่ายแล้วขอให้ข้ามเหตุการณ์นี้ไป
“หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิก็เอาไปนั่งไปอะไร ผมก็เลยถามต่อว่า คนขับยังอยู่ไหม เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่อยู่แล้ว ผมก็เลยบอกเอาทำไม่เป็นอย่างนั้นอ่ะ หนีไปแล้วหรอ ทำไมไม่อยู่รับผิดชอบลูกเมียผม เหตุการณ์เป็นแบบนี้ครับ” บิดาผู้สูญเสียกล่าวเสียงสั่นและกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ตลอดช่วงที่ระบุรายละเอียดของเหตุสลด
ทั้งนี้ คุณพ่อเปิดเผยด้วยว่าตอนแรกมีกำหนดจะเผาร่างลูกและเมีย 3 ศพ คือวันนี้ (2 พ.ย.) แต่ปรึกษาญาติๆ แล้วควรจะเก็บศพไว้ก่อน และจะเผาศพทั้งสามก็ต่อเมื่อได้รับคามยุติธรรม
ส่วนการเจรจาไกล่เกลี่ยเมื่อ 30 พ.ย. คู่กรณีมีญาติกับทนายมาพร้อม ตนไม่มีใครทั้งสิ้น คู่กรณีมาขอขมาในงานศพตนกับญาติๆ ยังรู้สึกว่าขาดความจริงใจ ปิดบังหน้าเหมือนมาสร้างภาพจัดฉากเพื่อเป็นเหตุบรรเทาโทษ.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พ่อเหยื่อน้ำตาอาบแก้ม สาวบีเอ็มไม่จริงใจ 3 ศพลูกเมียไม่เผา ขอรอความยุติธรรม
- มอบตัวแล้ว สาวซิ่ง BMW ชนแม่ลูกดับ 3 ศพ ตำรวจตั้ง 3 ข้อหาหนัก
- ห่วงสภาพจิตใจ พ่อเด็กเหยื่อบีเอ็มชนดับ 3 ชีวิต อยู่ต่อไม่ไหว แต่ต้องดูแม่ป่วยติดเตียง