ทนายเดชา ตอบถ้าวันนึงต้องช่วย ทนายตั้ม ก็ไม่สามารถฝืนลิขิตได้
ทนายเดชา ตอบถ้าวันนึงต้องช่วย ทนายตั้ม ก็ไม่สามารถฝืนลิขิตได้ เห็นใจเพื่อนด้วยกัน แต่ตอนนี้ยังไม่รับตำแหน่ง วอนสื่อมวลชนอย่าทำตัวเป็นศาลเตี้ย
จากกรณีที่ ทนายสายหยุด หรือ นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ถอนตัวจากคดี 71 ล้าน มาดามอ้อย โดยกล่าวว่า นายเล็ก คนขับรถ ไปรับสารภาพกับพี่อ้อยหมดแล้ว ว่ารับเงินค่าจ้างจากทนายตั้ม 1 แสนบาท ให้ไปเอาเงินที่ไหน แล้วถูกสั่งให้ไปนั่งเฝ้าที่บ้านของพี่อ้อย ตนมองว่าถ้าจะมาอ้างว่าจ้างคนไปเอาของ จ้างไรเดอร์แค่ 200 บาทเท่านั้นล่ะ แต่การจ้าง 1 แสน มันผิดปกติเกินไป แล้วมาประกอบกับเอกสารหลักฐานที่เป็นสัญญา ที่นายปานเทพเอามาเปิด ตนก็มีอยู่ แต่พอเอามาเทียบกัน มันไม่ตรงกัน เพราะตัวที่อยู่กับนายปานเทพ มันมีการลงลายมือชื่อ แต่ตัวที่อยู่กับตน กลับไม่มี และวันที่ต่างๆ ก็ไม่ตรงกัน มันทำให้ตนไม่แน่ใจจริงๆ ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ
สุดท้ายนี้พอได้คุยกับทนายตั้ม ตนก็เลยบอกว่า คงเป็นทนายให้ไม่ได้แล้ว เพราะที่ผ่านมา ถ้ามันก้ำกึ่ง มันมีทางไป ตนสู้เต็มที่ แต่จะให้มาพลิกจากดำเป็นขาว ตนทำไม่ได้ แล้วยิ่งมีเรื่องเอกสารหลักฐานอะไรที่จะต้องเอาไปเบิกความ ถ้าตนไม่แน่ใจว่ามันเป็นของจริงหรือปลอม ตนก็คงไม่กล้าเอาตัวเองไปเสี่ยง แต่ในฐานะเป็นเพื่อนพี่น้องที่นับถือกันมา ให้ช่วยเหลือเรื่องคดีก็ช่วยได้ แต่จะให้ไปออกหน้าเป็นทนายความ ว่าความให้ทนายตั้ม ตนไม่เอาอีกแล้ว เพราะเห็นแล้วว่าจะเดินไปสู่อะไร ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ว่า ขณะนี้ตนยังไม่รับเป็นทนายความให้กับทนายตั้ม เป็นเพียงเพื่อนที่เห็นอกเห็นใจเพื่อนด้วยกัน ในยามที่เพื่อนตกต่ำและถูกแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงเท่านั้น
“ตนรักพวกพ้อง ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน และไม่เคยบิดเบือนหรือทำดำเป็นขาวทำขาวเป็นดำ หรือทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ ทุกอย่างแล้วแต่เวรกรรม ถ้าวันหนึ่งตนต้องเข้าไปช่วยทนายตั้ม ก็ไม่สามารถฝืนลิขิตได้ ขณะนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ขนาดเพื่อนยังมีการหักหลังใส่ร้ายกัน และออกทีวีสาปแช่งด่าทอกัน เห็นแล้วรู้สึกสงสารทนายตั้ม”
หากทนายตั้มทำผิดต้องได้รับผลการกระทำตามกระบวนการของกฎหมาย ขอให้คนที่ติดตามข่าวและสื่อมวลชนอย่าทำตัวเป็นศาลเตี้ยตัดสินทนายตั้ม ก่อนศาลจะเป็นผู้ตัดสิน ควรให้ความเป็นธรรมกับทนายตั้มด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง