อีเว้นท์ไลฟ์สไตล์

ตัวอย่าง เรียงความวันเข้าพรรษา สืบสานหลักธรรม ผ่านงานเขียนทรงคุณค่า

วันเข้าพรรษา 21 กรกฎาคม 2567 นับเป็นเทศกาลสำคัญทางพุทธศาสนาที่ชาวไทยคุ้นเคย ช่วงเวลาแห่งการถือศีลปฏิบัติธรรม โอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตสำหรับการส่งเสริมคุณธรรมในเยาวชนผ่านกิจกรรมใบงาน การเขียนเรียงความวันเข้าพรรษา หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายหลักธรรมคำสอนที่เกี่ยวข้อง เช่น การทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล การอธิษฐานบารมี หลักธรรมวิรัติ หรือการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้หลักธรรมในชีวิตประจำวัน ในบทความนี้ จึงได้รวบรวมแนวทางการเขียนเรียงความสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจ ในการพัฒนาทักษะการเขียนให้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างเรียงความ “วันเข้าพรรษา” เกี่ยวกับหลักธรรม

วันเข้าพรรษา เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นฤดูฝน เป็นช่วงเวลาที่พุทธศาสนิกชนทั่วแคว้นต่างพร้อมใจกันถือศีล งดเว้นอบายมุข เจริญภาวนา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อันเป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามที่มีมาแต่โบราณกาล

วันเข้าพรรษา มิเพียงเป็นวันสำคัญทางศาสนาแต่ยังเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ย้อนรำลึกถึงหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นดั่งแสงสว่างนำทางชีวิต ส่องสว่างในยามที่ใจมืดมน ให้พ้นจากความทุกข์ สู่ความสุขที่แท้จริง ความสุขที่เกิดจากการปล่อยวาง ความสุขที่เกิดจากการรู้จักพอ ความสุขที่เกิดจากการมีสติ

ธรรมะคือความจริงอันประเสริฐ เป็นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ธรรมะยังคงอยู่ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้มนุษย์ดำรงชีวิตอย่างมีสติ มีปัญญา มีเมตตา เปรียบดั่งเข็มทิศนำทางชีวิต ให้เราไม่หลงทาง ไม่หลงผิด ไม่หลงไปกับสิ่งมายา

หลักธรรมสำคัญที่ควรยึดถือปฏิบัติในวันเข้าพรรษา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ศีลคือข้อห้ามที่ช่วยให้เรารักษาความสงบสุขทั้งกายและใจ เช่น การไม่ฆ่าสัตว์ การไม่ลักทรัพย์ การไม่ประพฤติผิดในกาม การไม่พูดเท็จ การไม่ดื่มสุราเมรัย สมาธิคือการฝึกจิตให้ตั้งมั่น ไม่วอกแวก เปรียบดั่งการฝึกฝนกล้ามเนื้อ เพื่อให้จิตใจแข็งแรง มีพลัง มีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ ปัญญาคือความรู้แจ้งเห็นจริง สามารถแยกแยะสิ่งที่ดีออกจากสิ่งที่ไม่ดีได้ เปรียบดั่งแสงสว่างที่ส่องให้เห็นทาง ทำให้เรามองเห็นความจริงของชีวิต

การปฏิบัติธรรมในวันเข้าพรรษา ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดเสมอไป เราสามารถปฏิบัติได้ที่บ้าน หรือที่ใดก็ได้ ที่เราสะดวก โดยการทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล เจริญภาวนา หรือศึกษาธรรมะ การปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เรามีจิตใจที่สงบ ผ่องใส และเป็นสุข เหมือนดังดอกบัวที่เบ่งบานในสระโคลน แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ก็ยังคงความบริสุทธิ์ ผุดผ่องงดงาม

ขอให้วันเข้าพรรษาปีนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรม เพื่อความสุขที่แท้จริงของเราทุกคน ขอให้เราทุกคน มีสติ มีปัญญา และมีเมตตา ในการดำเนินชีวิต เพื่อให้โลกนี้เป็นโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเรียงความ “วันเข้าพรรษา” เกี่ยวกับอธิษฐานบารมี

หากกล่าวถึงหลักธรรมสำคัญในวันเข้าพรรษาที่ถูกถ่ายทอดสืบต่อกันอย่างยาวนานก็ต้องนึกถึง การอธิษฐานบารมี คือการตั้งจิตปรารถนาที่จะทำความดีอย่างต่อเนื่องจริงจัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ การช่วยเหลือผู้อื่น หรือการสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้แก่สังคม

ในวันเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนมักจะถือศีล ปฏิบัติธรรม และทำบุญ เพื่อเป็นการสร้างกุศลสะสมบารมี ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นไปเพื่อการพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้น เข้าใกล้พระธรรมคำสอน เพื่อให้เกิดหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา

การอธิษฐานบารมีในวันเข้าพรรษา จึงเป็นเสมือนการเริ่มต้นใหม่ การตั้งเป้าหมายใหม่ในการมุ่งมั่นที่จะทำความดีอย่างไม่ย่อท้อ ซึ่งการอธิษฐานนี้จะสำเร็จได้ ต้องอาศัยความตั้งใจจริง ความเพียรพยายาม ที่ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท

ในช่วงเวลา 3 เดือนของการเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนจะได้มีโอกาสฝึกฝนตนเองอย่างเข้มข้น ทั้งการรักษาศีล การเจริญภาวนา และการศึกษาพระธรรม ซึ่งการปฏิบัติเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างบารมีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การอธิษฐานบารมีในวันเข้าพรรษา ยังเป็นการส่งต่อความดีงามให้แก่ผู้อื่นในสังคม เพราะเมื่อเราตั้งจิตปรารถนาที่จะทำความดี ผลของความดีนั้นย่อมแผ่ขยายไปสู่คนรอบข้าง และสร้างความสุขสงบให้แก่สังคมโดยรวม

ตัวอย่างเรียงความหลักธรรม “วิรัติ” ในวันเข้าพรรษา

ในคืนวันเข้าพรรษาบรรยากาศแห่งแสงเทียนศรัทธาอบอวลไปทั่วบริเวณวัดวาอาราม พุทธศาสนิกชนต่างพร้อมใจกันมาชำระจิตใจให้ผ่องใส ด้วยการถือศีล ปฏิบัติธรรม และเจริญภาวนา

หลักธรรมสำคัญที่เป็นเสมือนดวงประทีปส่องนำทางในช่วงเวลานี้ คือ “วิรัติ” อันหมายถึงการงดเว้นจากบาปทั้งปวง เปรียบดังการปิดประตูมิให้กิเลสตัณหาเข้ามาครอบงำจิตใจ

วิรัติแรก คือ สัมปัตตวิรัติ เกิดจากความละอายและเกรงกลัวต่อบาปที่ผุดขึ้นในจิตสำนึกดุจแสงสว่าง นำพาให้บุคคลหลีกเลี่ยงการทำชั่วโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ เช่นเดียวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ทำให้ความมืดมิดต้องล่าถอยไป

วิรัติที่สอง คือ สมาทานวิรัติ เกิดจากการตั้งมั่นในศีลที่ตนสมาทานไว้ ดุจนักรบผู้กล้าหาญที่สวมชุดเกราะอันแข็งแกร่ง ปกป้องตนจากคมหอกคมดาบของกิเลส แม้จะมีสิ่งยั่วยุเย้ายวนเพียงใด ก็ไม่อาจทำลายปราการแห่งศีลได้

วิรัติสุดท้าย คือ สมุจเฉทวิรัติ การงดเว้นจากบาปอย่างเด็ดขาดถาวร เปรียบดังต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึก ไม่หวั่นไหวต่อพายุฝน แม้พ้นช่วงเข้าพรรษาไปแล้ว ก็ยังคงยึดมั่นในความดีงาม ไม่หวนกลับไปกระทำชั่วอีก

การปฏิบัติตามหลักวิรัติทั้งสามประการนี้ นำมาซึ่งความสุขสงบ ความเจริญรุ่งเรือง ทั้งแก่ตนเองและสังคม เปรียบดังสายน้ำที่หล่อเลี้ยงผืนดินให้ชุ่มชื่น ทำให้ต้นไม้เติบโตงอกงาม

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button