ด่วน! จำคุก 3 สส. ภูมิใจไทย 9 เดือน ไม่รอลงอาญา เหตุเสียบบัตรแทนกัน
ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ส.ส.ภูมิใจไทย 9 เดือน ไม่รอลงอาญา เหตุเสียบบัตรแทนกัน ชี้ ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ถือเป็นเรื่องร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตย ลงโทษให้หลาบจำ
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาเดิม จำคุก 3 ส.ส. พรรคภูมิใจไทย คือ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์, นายภูมิศิษฏ์ คงมี และนางนาที รัชกิจประการ เป็นเวลา 9 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในคดีเสียบบัตรแทนกันระหว่างการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563
เหตุการณ์ของคดีเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 มกราคม 2563 จำเลยทั้งสามลงชื่อเข้าร่วมประชุม แต่ในวันที่ 10-11 มกราคม 2563 จำเลยที่ 1 และ 2 ไม่อยู่ในที่ประชุม ขณะที่จำเลยที่ 3 ไม่อยู่ในที่ประชุมช่วงบ่ายวันที่ 11 มกราคม ทั้ง 3 จำเลยถูกกล่าวหาว่าให้ผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองในการแสดงตนและลงมติแทน ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการและกระบวนการใช้อำนาจนิติบัญญัติ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการทุจริต ถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อการปกครอง จึงพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี ลดโทษเหลือคนละ 9 เดือน โดยไม่รอลงอาญา พร้อมทั้งให้จำเลยที่ 1 และ 2 พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และเพิกถอนสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต
ศาลวินิจฉัยเห็นว่า พฤติการณ์ของ 3 สส. ภูมิใจไทย นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความ ล่าช้าแล้วยังมีความเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายในการพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณดังกล่าวใหม่ จึงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างมาก
พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย เป็นการกระทำที่ไม่ชื่อสัตย์ต่อหน้าที่ทำให้ประโยชน์ส่วนรวมได้รับความเสียหาย ไม่ เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และคำปฏิญาณที่ให้ไว้ และไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ถือเป็นเรื่องร้ายแรงกระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยการไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสามก็เพื่อให้จำเลยทั้งสามหลาบจำ เป็นการป้องปรามไม่ให้ผู้อื่นเอาเป็น เยี่ยงอย่างกระทำความผิดเช่นนี้อีก
แม้ต่อมาจำเลยทั้งสามรู้สำนึกในการกระทำความผิดโดยให้การรับสารภาพและไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ทั้งได้กระทำคุณความดีต่อสังคมตามที่จำเลยทั้งสามอ้างก็ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสาม อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น