สกุลธร ขอความเป็นธรรม ร่าย 6 ข้อ แจ้งทุจริต แต่โดนจับเสียเอง
สกุลธร ชี้แจง 6 ข้อ ยันความบริสุทธิ์ใจ หลังศาลตัดสินคดีติดสินบน 20 ล้าน
นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และน้องชายของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง 6 ประการ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตน หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตัดสินจำคุก 6 เดือน ในคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
นายสกุลธรยืนยันว่า ตนเป็นผู้เสียหายจากการถูกเจ้าหน้าที่รัฐหลอกลวง ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด โดยชี้แจงว่าได้ดำเนินการเช่าที่ดินตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ปลอมแปลงเอกสาร
เมื่อทราบเรื่อง นายสกุลธรได้รีบแจ้งข้อเท็จจริงต่อสำนักงานทรัพย์สินฯ จนนำไปสู่การดำเนินคดีและลงโทษเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว นอกจากนี้ นายสกุลธรยังระบุว่า ตนเคยได้รับเชิญไปให้การในฐานะผู้เสียหาย แต่ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศจึงไม่ได้ไป
นายสกุลธรตั้งคำถามว่า หากตนมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจริง เหตุใดจึงต้องแจ้งเบาะแสการทุจริตให้ตัวเองเดือดร้อน และยืนยันว่า การแจ้งเบาะแสดังกล่าวเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อปกป้องสำนักงานทรัพย์สินฯ จากการถูกหลอกลวง
แม้จะเคารพในคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่นายสกุลธรยืนยันว่าจะใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีจนถึงที่สุด และพร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
“ผมขอชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ดังนี้
1. ผมและคณะทำงานในขณะนั้นได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยได้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอนตามกฎหมายตามที่เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้แจ้งกับผมและทีมงานทุกประกา แต่ต่อมาภายหลัง ผมทราบว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้หลอกลวงผมด้วยการปลอมแปลงเอกสารของสำนักงานทรัพย์สินฯ
2. เมื่อผมทราบว่าถูกเจ้าหน้าที่คนนี้หลอก ก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยรีบแจ้งข้อเท็จจริงถึงเรื่องดังกล่าวไปยังสำนักงานทรัพย์สินฯ จนเป็นเหตุทำให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ดำเนินคดีอาญากับบุคคลนี้ จนศาลพิพากษาลงโทษเขาพร้อมกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง และคดีถึงที่สุดไปแล้ว
3. ระหว่างสอบสวนคดีดังกล่าวในช่วง พ.ศ. 2562 ผมยังเคยได้รับเชิญไปให้การในฐานะผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวด้วย แต่เนื่องจากในขณะนั้นผมติดภารกิจสำคัญอยู่ที่ต่างประเทศ จึงไม่ได้ไปให้การเป็นพยานกับพนักงานสอบสวน
4. ในช่วงระหว่างการดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่หลอกลวงและปลอมแปลงเอกสารสำนักงานทรัพย์สินฯ กลุ่มนี้ ตั้งแต่ในชั้นสอบสวนกระทั่งถึงในชั้นศาล พนักงานสอบสวนไม่เคยดำเนินคดีใดๆ กับผมทั้งสิ้น
5. แต่หลังจากนั้นกลับมี ‘นักร้อง’ ไปร้องให้ดำเนินคดีผม หาว่าผมรู้เห็นเป็นใจกับบุคคลนี้ และเป็นผู้ใช้ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวไปกระทำการทุจริต
6. ผมขอตั้งคำถามให้ทุกท่านลองพิจารณาด้วยใจเป็นธรรมว่า หากผมมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าวจริงแล้ว เหตุใดผมจะต้องวิ่งไปแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหลอกลวงดังกล่าว เพื่อให้ตัวเองเดือดร้อนถูกดำเนินคดีไปด้วย?
7. ผมคือผู้เสียหายจากการหลอกลวงของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่จำเลย การที่ผมเป็นผู้เริ่มคดีขึ้นเสียเองด้วยการแจ้งเบาะแสการทุจริตไปยังสำนักงานทรัพย์สินฯ ก็เพราะไม่อยากให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้รับความเสื่อมเสียจากการที่มีบุคลากรแอบแฝงกระทำการหลอกลวงผู้อื่นเช่นที่ผมพบเจอด้วยตนเอง
8. “ผมเคารพในคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่ผมขอใช้สิทธิต่อสู้คดีจนถึงที่สุด และพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์ความสุจริตใจของผมตามครรลองของกระบวนการยุติธรรมต่อไป”
อ่านข่าวที่เกียวข้อง