ข่าวข่าวอาชญากรรม

หดหู่ พ่อแท้ๆ ซ่อนกล้องแอบถ่ายลูกสาว อึ้งหนักแม่ไปแจ้งความ ตำรวจบอกไม่เข้าอนาจาร

หดหู่ พ่อแท้ๆ ซ่อนกล้องแอบถ่ายลูกสาว แม่ไปแจ้งความ ตำรวจกลับบอกไม่เข้าอนาจาร พฤติกรรมสุดทน เสพยาทุกวัน คนในบ้านได้แต่ผวา นอนร้องไห้

กรณีพ่อแท้ ๆ ตั้งกล้องแอบถ่ายลูกสาวตัวเอง โดยนายสุรศักดิ์ หรือ “สอ ตงเสือ” บิดาที่ตอนนี้มีหมายจับวัย 40 ปี ไปติดตั้งกล้องห้องนอนในห้องน้ำ แถมที่อึ้งไปกว่านั้น คือ มีการนำภาพส่งต่อไปที่บุคคลที่สาม โดยล่าสุด เพจโหนกระแสได้ไลฟ์สดเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา หลังจากแม่เป็นคนพาลูกสาวไปแจ้งความจับผู้ก่อเหตุ แต่ตำรวจกลับบอกว่าอาจไม่เข้าข่ายอนาจารเพราะไม่มีการสัมผัสตัว จนสุดท้ายแม่เหยื่อต้องโร่หา ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ เพื่อช่วยคดี

ทนายรณณรงค์ กล่าวบนโต๊ะแถลงข่าวโดยบอกที่มาเริ่มจากทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากครอบรัวหนึ่งที่นครราชสีมา ว่า ถูกพ่อแท้ ๆ บันทึกภาพลูกสาวขณะอยู่ในห้องน้ำ ห้องส่วนตัว นอกจากนั้นยังมีท่าทีคุกคามทางเพศอย่างหนัก จนกระทั่งไปแจ้งความโรงพักในพื้นที่ ปรากฏว่าทางร้อยเวรแจ้งกับทางครอบครัวว่ายังไม่เข้าข่ายอนาจาร เพราะพ่อยังไม่ได้ไปจับร่างกายของลูกจึงยังไม่มีความผิดฐานอนาจาร

จากนั้น มารดาผู้เสียหายเล่าว่า 2 ปีก่อนลูกสาวเคยโทรมาแจ้งว่า เจอกล้องแอบถ่ายอยู่ในห้อง 2 ครั้ง จึงไปถามพ่อว่าตั้งกล้องงทำไมฝ่ายคนเป็นพ่อก็อ้างว่าติดเพื่อดูว่าลูกนอนหรือยังไม่นอน ตอนนั้นก็เริ่มบอกให้ลูกระวังตัว กระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา หลังจากตำรวจบุกมาทำการตรวจค้นบ้านพัก เนื่องจากพ่อมีประวัติเรื่องยาเสพติด

ต่อมาเรื่องแอบถ่ายลูกสาวตัวเองก็มาแดงเอาตอนที่แม่เล่าว่าตำรวจได้ตรวจเช็กมือถือแล้วไปเจอกลุ่มไลน์ที่พ่อใช้คุยในออนไลน์ เป็นข้อความคุยเกี่ยวกับลูกสาว เนื้อหาประมาณส่งคลิปขณะกำลังช่วยตัวเองที่ในวิดีโอจะเห็นตัวบิดาจงใจทำให้ลูกเห็นส่งต่อให้กับคนในกลุ่ม

“ช็อกกันทั้งบ้านเลย เพราะว่ามันมีคลิปลูกสาวมากกว่า 20 คลิป ในโทรศัพท์มือถือ ลูกแท้ ๆ และพ่อแท้ ๆ” นางเอ (นามสมมติ) มารดาผู้เสียหาย กล่าว โดยเธอเองบอกว่าตำรวจเป็นคนเปิดข้อมูลดังกล่าวทั้งหมดในมือถือให้ดู บอกเป็นคลิปของลูกสาวทั้งหมดเลย พอเปิดดูก็เลยสงสัยว่าจะมีมากกว่านั้นเลยไปค้นโน๊ตบุ๊คก็เจอว่ามีคลิปแบบนี้อีก

แม่ของเหยื่อยืนยันผู้ก่อเหตุไม่ได้เพิ่งทำ เพราะจากการไล่ตรวจสอบเหตุการณ์ในคลิปเป็นช่วงระหว่างปี 64-65 โดยตัวพ่อมีอาชีพเป็นช่างติดกล้องวงจรปิด จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้เกิดความระแคะระคายในตอนแรก

พ่อแท้ๆ ซ่อนกล้องแอบถ่ายลูกสาว
ภาพ @โหนกระแส [Hone-Krasae] official

ฟังแม่เล่านาทีขึ้นโรงพัก เจอตำรวจบอกคดีไม่เข้าข่ายอนาจาร

เหตุการณ์หลังจากสืบทราบว่าพ่อบังเกิดเกล้ามีพฤติกรรมที่สุดทน สุดท้ายตัวผู้เป็นแม่จึงตัดสินใจเดินทางไปที่ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับสามีและพ่อแท้ ๆ ของลูกตัวเอง แต่ปัญหาก็มาเกิดขึ้นเมื่อร้อยเวรที่รับเรื่องแจ้งกับแม่ผู้เสียกลับมาว่า คดีนี้อาจไม่เข้าข่ายความผิดฐานอนาจาร

โดยตำรวจให้เตุผลเพราะจขาดไปอย่างเดียว คือ ยังไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวสัมผัสกันเกิดขึ้น !

“ยังหาหลักฐานไม่ได้ คืออยากให้เขาช่วย แต่พอฟังโทษแล้ว ฟังข้อกล่าวหาแล้ว มันขาดอยู่อย่างเดียว ที่เป็นอนาจารไม่ได้เราก็อึ้ง มันไม่น่าจะใช่ แต่หนูก็ไม่ค่อยรู้เรื่องกฏหมาย แต่หนูมีหลักฐานหมดเลยจึงอยากแจ้งความข้อหาอนาจาร” นางเอ มารดาผู้เสียหาย เล่านาทีตอนไปแจ้งความที่โรงพัก แล้วเจอร้อยเวรที่รับเรื่องตอลกลับมาว่าคดีอาจไม่สามารถเอาผิดเรื่องอนาจารได้ แม้จะรับเรื่องไว้แล้วก็ตาม

หลังฟังเรื่องราวตลอดจนที่มาที่ไปทั้งหมด ทางทนายรณณรงค์ก็ได้ติดต่อไปหา สภ.แก้มสนามนาง เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีว่าไปถึงไหนแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายแจ้งว่าได้สอบปากคำแม่เด็กไปแล้ว ส่วนตัวพ่ออยู่ระหว่างออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา โดยของกลางมีโทรศัพท์ของพ่อ ซึ่งตอนนี้ได้ตั้งข้อหาอนาจารแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกสอบถามว่าตอนแรกร้อยเวรไปสื่อสารอย่างไรว่าไม่เข้าข้อหาอนาจาร ทางนายตำรวจปลายสายก็แจ้งว่าตนเองได้อธิบายกับมารดาว่าส่วนใหญ่อนาจารต้องมีสัมผัสแตะเนื้อต้องตัวกัน แต่ตำรวจก็พยายามทำให้ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งตนก็ตั้งข้อหาอนาจาร แต่ตัวแม่อาจจะไม่เข้าใจที่ตำรวจอธิบาย

พอได้ยินดังนั้น ทนายรณรงค์จึงหันไปถามแม่เด็กทันทีว่าตอนนั้นเหตุการณ์เป็นอย่างไรที่ว่าแม่ไม่เข้าใจยังไง ? ทางฝ่ายผู้เสียหายก็เล่าต่อมาว่าตำรวจบอก คือ ขาดอยู่ 1 ข้อ ที่จะเป็นอนาจาร เพราะยังไม่สัมผัสร่างกาย แต่จะลองส่งเรื่องให้ โดยที่เข้าข่ายความผิดแล้วคือเดือดร้อนรำคาญใจ พอขาดไปหนึ่งข้อร้อยเวรที่รับเรื่องจึงระบุหลับมาว่าไม่มั่นใจจะเป็นอนาจาร

ทั้งนี้ หลังจากได้พูดคุกับ สภ.ที่รับผิดชอบคดี ทางตำรวจก็ยืนกรานกับแม่เด็ก ตอนนี้ได้แจ้งข้อหาอนาจารตามที่ผู้เสียหายกล่าวหาแล้ว โดยหลังจากวางสายแม่เด็กก็กล่าวสั้น ๆ ว่า “เมื่อวานเขาไม่ได้พูดแบบนี้”

ขณะเดียวกันยังมีการเปิดเผยอีกดว่า นอกจากลูกสาวแท้ ๆ ที่ถูกแอบถ่ายคลิปแล้ว ยังพบว่ามีคลิปของหลานสาวและอดีตภรรยาของผู้ก่เหตุที่ถูกกระทำในแบบเดียวกันอีกด้วย ซึ่งจากนี้จะต้องรอทีมชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐ่านอีกครั้ง

ส่วนฝั่งของเด็กที่เป็นเหยื่อ ทางทนายรณณรงค์ยืนยันว่าจะประสาน พม.จังหวัดให้เข้ามาชช่วยดูแลเรื่องสภถาพจิตใจอีกทาง.

ขอบคุณข้อมูล : โหนกระแส [Hone-Krasae] official

 

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button