นก ยลดา คว้ามงกุฎ Miss Fabulous Thailand Season 3 ไบรอัน ตัน เจ้าของเวทีผุดกติกาใหม่ Devote ซื้อพวงหรีดลดคะแนนโหวต แฟนนางงามเสียงแตก ทั้งชื่นชมไอเดียใหม่และมองว่าไม่แฟร์
วันนี้ 17 มีนาคม 2567 วงการขาอ่อนมีโอกาสได้ต้อนรับผู้ชนะคนใหม่อีกครั้ง ภายหลังจากการประกวดรอบตัดสิน มิสแฟบูลัส ไทยแลนด์ ซีซั่น 3 (Miss Fabulous Thailand Season 3) หรือที่แฟนนางงามรู้จักกันดีในชื่อ มิสฟ้าบุญเลิศ ซึ่งผู้ชนะเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา คือ นก ยลดา เกริกก้อง สวนยศ ตัวแทนจากภาคเหนือ
การประกวดรอบไฟนอลตลอด 4 ชั่วโมงเต็มเป็นไปอย่างคึกคัก มีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์และคนมีชื่อเสียงมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เริ่มต้นจากขบวนพาเหรดแนะนำผู้เข้าประกวดทั้ง 15 คน ในชุดแฟชั่นสีสันสะดุดตา ก่อนจะเข้าสู่ช่วงระทึกใจกับการประกวดผลผู้ผ่านเข้ารอบ 7 คนสุดท้าย เพื่อขับเคี่ยวกันต่อในรอบตอบคำถาม
ผุดกติกาใหม่ Devote ซื้อพวงหรีดกันซีนนางงามตัวเต็ง
ความพิเศษของการประกวดมิสแฟบูลัสในปีนี้ ไบรอัน ตัน เจ้าของเวที ได้ริเริ่มกติกาใหม่อย่าง Devote หรือการเปิดโอกาสให้แฟน ๆ ได้ซื้อพวงหรีดหน้างานเพื่อดิสเครดิตสาวงามที่คิดว่ามีโอกาสคว้ามงกุฎมากที่สุด
พูดง่าย ๆ คือ ไม่อยากให้ใครชนะต้องซื้อพวงหรีดไปให้ เพราะใครที่ได้พวงหรีดเยอะสุด ก็จะได้คะแนนน้อยสุด ซึ่งมีผลต่อการตัดสินถึง 10% โดยพวงหรีดประกอบไปด้วย 10,000 Devote และ 5,000 Devote
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงวินาทีสำคัญกับการประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบ 3 คนสุดท้าย Miss Fabulous Thailand Season 3 ซึ่งได้แก่ นก ยลดา, น้ำเพชร อิสรีย์ และ โมกัส ชยทัต พร้อมกับการเดินอวดโฉมในชุดราตรีเป็นครั้งสุดท้าย
นก ยลดา คว้ามงกุฎ Miss Fabulous Thailand ซีซั่น 3
จากนั้น ไบรอันก็ได้ประกาศรายชื่อ 2 สาวงามที่จะมีโอกาสขึ้นไปยืนจับมือบนเวที เพื่อลุ้นมงกุฎมิสฟ้าบุญเลิศคนต่อไป โดยในปีนี้คู่จับมือที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่แฟนนางงามมากคือ นก ยลดา กับ น้ำเพชร อิสรีย์
ก่อนที่ชื่อของ นก ยลดา เกริกก้อง สวนยศ จะถูกประกาศให้เป็นผู้ชนะ มิสแฟบูลัส ไทยแลนด์ คนที่ 3 ของประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 ตกเป็นของ น้ำเพชร อิสรีย์ โดยอัตโนมัติทันที
ภายหลังจากจบการประกวด แฟนนางงามก็ได้ออกมาพูดถึงผลการตัดสินผ่านทางโซเชียลกันอย่างคับคั่ง มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝั่งที่ยอมรับมองว่าสปีชของนกนั้นกินขาด และเจ้าตัวได้รับพวงหรีดน้อย บางส่วนมองว่า น้ำเพชร อิสรีย์ ที่ทำดีมาตลอด อาจพลาดท่าเพราะได้รับพวงหรีดเยอะ ทำให้ถูกลดคะแนนและชวดมงกุฎในปีนี้
สำหรับ นก ยลดา ปัจจุบันอายุ 45 ปี เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการนางงามมากว่า 20 ปี ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย และส.ส.จังหวัดน่านที่ยึดมั่นเรื่องการเรียกร้องสิทธิให้ LGBTQIA+
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สาวประเภทสองคนดังผ่านเวทีการประกวดมาอย่างโชกโชน ก่อนจะกลับมาเคาะสนิมอีกครั้ง บนเวทีมิสแฟบิวลัสไทยแลนด์ 2023 และคว้ารางวัลชนะเลิศของภาคเหนือมาครองได้สำเร็จ
ย้อนฟังคำตอบ นก ยลดา รอบ 7 คนสุดท้าย
รอบ 7 คนสุดท้าย นก ยลดา เลือกคำถามหมายเลข 5 ซึ่งมีอยู่ว่า จากการแสดงความคิดเห็นของคุณ ลักขณา ปันวิชัย (แขก คำผกา) หรือ ฮิมิโตะ ณ โตเกียว ที่กล่าวถึงเหตุการณ์สุขุมวิท 11 หรือวันกะเทยผ่านศึก โดยมีความว่า ระบบกะเทย มันกำลังบอกเล่าซับคัลเจอร์หนึ่ง ซึ่งลงหลักปักฐานในสังคมไทย
ทั้งนี้ ระบบกะเทย ถูกผูกโยงกับความเป็นกะเทย ที่เป็นการแสดงออกถึงการต่อต้าน Respectability หรือความถูกต้องตามทำนองคลองธรรม จากความพยายามในการไต่เส้นความดีและความไม่ดี
โดยปลดเปลื้องพันธนาการของตัวเองออกจากทุกอำนาจที่กดทับ มันคือการไต่เส้นความดีที่ถูกสถาปนาโดยรัฐ รวมถึงการกำหนดให้ความรุนแรงกลายเป็นสิ่งชั่วร้ายในสายตาของอำนาจรัฐ
ในวันดังกล่าวนั้นกล่าวได้ว่าเหล่ากะเทยของเรากำลังไต่เส้นและกำลังล้อเลียนกับสิ่งที่เป็น Respectability ในความคิดเห็นของท่าน การไต่เส้นความดีงามของระบบกะเทยหรือความเป็นกะเทย เป็นสิ่งที่ฉุดรั้ง ตรึงตรวนให้กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศไม่ได้รับการยอมรับ และถูกตีตราจากสังคมหรือไม่ เพราะเหตุใด
นก ยลดา กล่าวว่า คุณแม่เป็นคนสอนนกค่ะว่า จะเป็นอะไรก็ได้ก็ขอให้เป็นคนดี เป็นอะไรก็ได้ก็ขอให้มีความสามารถ วันนี้นกเป็นหลักฐานหนึ่งที่ไต่เส้นความดีมาจนถึงพีคสุดค่ะ นกเป็นด็อกเตอร์ค่ะ นกเป็นนักการเมืองค่ะ
นกเป็นอะไรต่ออะไรหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่ง ทุกคนคะเป็นกะเทยทำไมต้องเหนื่อยขนาดนี้ค่ะ กะเทยก็คนค่ะ ทำไมจะต้องเก่ง ทำไมจะต้องสวย ทำไมจะต้องดี กะเทยเป็นได้หมดค่ะ เป็นกะหรี่ก็ได้ค่ะ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง