ข่าว

หนุ่มอ้างตัวเป็นสารวัตร ยกมือไหว้ ‘เจ๊ไฝ’ ไม่มีเจตนาชักดาบ แต่ลืมจ่ายค่าอาหาร

หนุ่มอ้างตัวเป็นสารวัตร ยกมือไหว้ เจ๊ไฝ ไม่มีเจตนาชักดาบ แต่ลืมจ่ายค่าอาหาร เป็นคนมีปัญหาด้านความจำ ด้านเจ๊ไฝไม่เอาเรื่อง

จากกรณีที่ เจ๊ไฝ หรือ เจ๊เปีย สุภินยา จันสุตะ เจ้าของร้านอาหารสตรีทฟู้ด ระดับมิชลินสตาร์ 7 ปีซ้อน ย่านประตูผี ได้โพสต์ข้อความลงอินสตาแกรมสตอรี่ เล่าว่า มีชายอ้างว่าเป็นสารวัตร ไม่ยอมต่อคิว และขอโต๊ะลง ก่อนที่จะกินข้าว และไม่จ่ายเงิน ก่อนที่ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่จะตามตัวพบนั้น

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวชายคนดังกล่าว เข้าพูดคุยกับเจ๊ไฝ เพื่อทำการสอบถามเจ๊ไฝว่า จะติดใจเอาความทางคดีอาญากับชายคนดังกล่าวหรือไม่ เมื่อไปถึงชายดังกล่าวได้ยกมือไหว้เจ๊ไฝพร้อมบอกว่า ได้ตั้งใจจะชักดาบและได้จ่ายเงินค่าอาหารมื้อดังกล่าวให้กับเจ๊ไฝ ราว 2,000 บาท

ตนไม่ได้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่มีการโพสต์ลงในอินสตาแกรม แต่เชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดของลูกสาวเจ๊ไฝ หรืออาจเป็นโต๊ะข้างๆ ที่ได้ยินข้อมูลการสนทนา ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจจะไม่จ่ายค่าอาหาร แต่ตนมีปัญหาเรื่องความจำ และอ้างว่าจะต้องรีบออกไปเอารถที่ทำกระจกไว้ในบริเวณใกล้เคียง ก่อนที่จะนึกได้ว่าลืมจ่ายค่าอาหาร จึงตั้งใจว่าจะกลับมาที่ร้านและจ่ายเงินในวันรุ่งขึ้น แต่กลับกลายเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ เสียก่อน จึงพยายามติดต่อเข้ามาที่ สน.สำราญราษฎร์ให้มารับตัว ยืนยันว่าไม่เคยก่อเหตุลักษณะแบบนี้ที่ร้านอื่นมาก่อน และขอโทษสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ทำให้เสียหาย

ขณะที่เจ๊ไฝเปิดเผยว่า ไม่ติดใจเอาความทางคดีกับชายคนดังกล่าว และขอให้เลิกแล้วต่อกัน ที่ผ่านมาเคยมีลูกค้าชาวต่างชาติมากินอาหารและไม่จ่ายเงิน แต่ก็ติดต่อไปทางโรงแรมให้มาจ่ายเงินและไม่ได้ติดใจเอาความกับใคร ยอมรับที่ผ่านมาไม่เคยมีคนไทยทำแบบนี้มาก่อน จึงรู้สึกตกใจและได้ต่อว่าลูกสาวที่ไม่ยอมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังตั้งแต่ต้น จนทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต จากนี้จะให้ที่ร้านเพิ่มความเข้มงวดในการเก็บเงินลูกค้ามากขึ้น และได้ขอบคุณผู้กำกับการ สน.สำราญราษฎร์ ที่ช่วยติดตามเรื่องดังกล่าวให้ทันที

ด้าน พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผู้กำกับการ สน.สำราญราษฎร์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ถือว่าไม่เป็นคดีความ เพราะตัวเจ๊ไฝไม่ติดใจเอาเรื่อง แต่จะมีการตรวจสอบต่อไปว่าชายคนดังกล่าวเคยก่อเหตุในลักษณะแบบนี้มาก่อนหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อกฎหมายว่าจะเข้าข่ายหรือไม่ เพราะในระหว่างเกิดเหตุ เจ้าตัวไม่ได้มีการแต่งเครื่องแบบตำรวจหรือแสดงบัตรเอกสารว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ จึงอาจไม่เข้าข่ายที่จะดำเนินคดีได้ แต่หากพบว่าเข้าข่ายความผิดในข้อหาใดก็จะดำเนินการในภายหลัง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ชายดังกล่าวอายุ 61 ปี อดีตเคยทำงานเป็นช่างเครื่องสายการบิน ไม่ได้เป็นข้าราชการหรือตำรวจแต่อย่างใด ส่วนปัจจุบันเท่าที่ทราบพบว่าทำอาชีพรับเหมาทั่วไป นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบอีกด้วยว่าชายคนดังกล่าวเคยมีพฤติกรรมลักษณะชอบอ้างว่าเป็นตำรวจอยู่บ่อยครั้ง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button