อัยการเผย ‘ทักษิณ’ อาการป่วยขั้นวิกฤติ เดินไม่ไหว พูดไม่ค่อยมีเสียง
อัยการเผย ทักษิณ อาการป่วยขั้นวิกฤติ เดินไม่ไหว พูดไม่ค่อยมีเสียง ได้รับการปล่อยตัวหลังยื่น 5 แสน คดี ม.112 นัดฟังคำสั่ง 10 เม.ย.
นายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา พร้อมด้วย นายประยุทธ เพรชคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกฯ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกฯ และนายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ร่วมกันตั้งโต๊ะแถลงกรณีคดี ม.112 กับนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายประยุทธ กล่าวว่า วันนี้ประมาณ 08.30 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาส่งให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา โดยมีนายปรีชา สุขสงวน อธิบดีอัยการ และนายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นผู้รับตัวจากพนักงานสอบสวน ปอท.
โดยคดีนี้นายทักษิณ ได้ร้องขอความเป็นธรรม ผ่านพนักงานสอบสวนตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ขณะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาที่โรงพยาบาลตำรวจ ล่าสุด อัยการได้พิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้วเห็นว่าคดีมีประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ตามหนังสือที่ร้องขอความเป็นธรรม จึงมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม และนัดให้มาฟังคำสั่งทางคดีในวันที่ 10 เมษายนนี้ เวลา 09.00 น. ที่ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 8 อัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก
และนายประยุทธ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายทักษิณ ได้รับการปล่อยตัวจากกรมราชทัณฑ์ ในคดีอาญาเรื่องอื่น เนื่องจากได้รับการพักการลงโทษทางพนักงานสอบสวน ปอท. ได้ไปรับตัวนายทักษิณ ตามหนังสืออายัดตัวของพนักงานสอบสวนลงวันที่ 28 สิงหาคม 2566 และเมื่อรับตัวมาแล้วพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราวไปในวันเดียวกัน
ส่วนหลักประกันที่นายทักษิณ ใช้ในการประกันตัว เป็นหลักทรัพย์ในสมุดบัญชี ที่ได้รับการรับรองจากธนาคาร มีเงินจำนวน 500,000 บาท ซึ่งทางอัยการจะอายัดบัญชีดังกล่าวไว้
ส่วนเมื่อถามว่ามีเงื่อนไขในการปล่อยตัวหรือไม่ทางนายปรีชาบอกว่าสำหรับอัยการไม่มีเงื่อนไข แต่เงื่อนไขทางกรมคุมประพฤติ ที่กำหนดนั้นตนไม่สามารถตอบได้ว่านายทักษิณจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรระหว่างพักโทษ
นายปรีชา ยังเล่าถึงบรรยากาศขณะที่รับตัวนายทักษิณ ด้วยว่า หลังจากที่ตำรวจนำตัวมาส่ง ตนเองต้องมีการพูดคุยกับนายทักษิณ ซึ่งจากสภาพที่ตนเห็นมองว่า นายทักษิณมีอาการป่วยขั้นวิกฤติ เพราะต้องนั่งรถวีลแชร์มา เพราะเดินไม่ไหว และจากการที่ได้พูดคุย นายปรีชา บอกว่านายทักษิณพูดไม่ค่อยมีเสียง ดูท่าทางมีการป่วยหนัก และมีการสวมที่ดามคอมา
ส่วนเมื่อถามว่า น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ได้เดินทางมาด้วยหรือไม่ นายปรีชา บอกว่า นายทักษิณเดินทางมากับคนสนิท ลูกสาวไม่ได้เดินทางมาด้วย และเมื่อถามว่านายประกัน คือ คุณอุ๊งอิ๊งหรือไม่ นายปรีชาตอบว่า ไม่ใช่ และตนไม่รู้ว่านายประกันคือใคร ตนรู้เพียงคุณสมบัติของนายประกันว่า เข้าข่ายเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าคือใคร โดยขั้นตอนการเซ็น รายงานตัวและเข้าพบอัยการใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่นายทักษิณจะกลับ
นอกจากนี้ สื่อมวลชนได้สอบถามว่าวันที่ 10 เมษายน เป็นการนัด นายทักษิณ มาเพื่อฟังคำสั่งทางคดีหรือไม่ นายปรีชา บอกว่า วันที่ 10 เมษายน เป็นการนัดฟังผลคำสั่งทางคดีว่าจะมีคำสั่งว่าอย่างไร ว่าจะสั่งฟ้องไม่สั่งฟ้องหรือเลื่อนนัดฟังซึ่งจะต้องแจ้งให้ตัวนายทักษิณทราบในวันนั้น
ซึ่งนายประยุทธ์ ได้พูดเพิ่มเติม ในประเด็นดังกล่าวอีกว่า สำนวนเดิมที่มีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้อง เป็นคำสั่งแรก ตั้งแต่นายทักษิณยังไม่กลับเข้าประเทศไทย แต่เมื่อนายทักษิณ กลับเข้าประเทศไทย และ มีการแจ้งข้อกล่าวหากันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม รวมถึงมีการส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ทำให้ ทางคณะพนักงานสอบสวนได้มีการสอบสวนสำนวนใหม่ จึงทำให้วันที่ 10 เมษายนนี้ ตัวนายทักษิณจะต้องมารับฟังคำสั่งด้วยตนเอง ว่าทางอัยการจะเห็นสมควรสั่งฟ้องทางคดีหรือไม่
โดยคำสั่งจะแบ่งออกเป็น 3 แนวทาง 1.สั่งฟ้อง 2.ไม่สั่งฟ้อง 3.เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ถ้าหากสำนวนที่สอบเพิ่มเติมนั้นยังไม่ครบถ้วน แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรจะต้องแจ้งให้ตัวนายทักษิณทราบ และสื่อมวลชนได้ถามย้ำว่า หากวันดังกล่าวมีคำสั่งออกมาจะต้อง และ ยังบอกอีกว่าคดีนี้ถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักรหากวันที่ 10 เมษายน ทางอัยการมีคำสั่งเห็นสั่งฟ้อง จะต้องนำตัวนายทักษิณเข้าสู่กระบวนการศาลทันที แต่หากมีคำสั่ง ไม่ฟ้องคดีดังกล่าว ถือว่าสิ้นสุดในชั้นของอัยการไม่ต้องส่งสำนวน ไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้พิจารณาเหมือนกับคดีอื่นๆ เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ที่อัยการสูงสุดมีอำนาจสอบสวนและพิจารณาเด็ดขาด
และเมื่อถามถึงหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่นายทักษิณ ร้องมามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง นายประยุทธ์ไม่สามารถตอบได้
ส่วนข้อกล่าวหาจากสังคม สำหรับตัวนายทักษิณว่ามีการให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกทางด้านคดีให้กับนายทักษิณหรือไม่นั้น ทางนายประยุทธ์ ได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า คดีนี้มีอำนาจเด็ดขาด อยู่ที่อัยการสูงสุดจึงขอให้ไปดูประวัติการทำงานของอัยการว่า มีการทำงานไปในทิศทางใดและขอให้สังคมมั่นใจในกระบวนการพิจารณาของอัยการ แม้ว่าคดีดังกล่าวจะมีผู้ต้องหาเป็นบุคคลสำคัญที่สังคมให้ความสนใจ