เก็บลูกหรือทำแท้ง? ตัวประกันอิสราเอล ต้องตัดสินใจ หลังถูกฮามาสข่มขืน
ตัวประกันชาวอิสราเอลที่ตั้งท้อง จากการถูกกลุ่มฮามาสข่มขืน หลังโดนลักพาตัวไปในฉนวนกาซา ต้องตัดสินใจว่าจะเก็บลูกไว้หรือยุติการตั้งครรภ์เมื่อได้รับการปล่อยตัว
เจ้าหน้าที่กระทรวงสวัสดิการและสาธารณสุขของอิสราเอล กำลังจัดทำแผนเพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ในกลุ่มสตรีที่ถูกลักพาตัวโดยผู้ก่อการร้ายฮามาส ท่ามกลางสงครามระหว่างประเทศที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566
ตามปกติแล้วการทำแท้งในอิสราเอล จะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการยุติการตั้งครรภ์ แต่ในปัจจุบันพบว่ามีผู้หญิงจำนวนมากที่เป็นเชลยของฮามาส มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์เพราะถูกข่มขืน ทำให้รัฐบาลต้องมองหาแนวทางช่วยเหลือ ซึ่งอาจนำไปสู่การลดขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการฯ
ทั้งนี้ในปัจจุบันคาดว่ามีชาวอิสราเอลราว 130 คน ที่ยังคงถูกฮามาสจับตัวไว้ แม้สงครามจะยืดเยื้อมานานถึง 4 เดือนแล้วก็ตาม โดยในจำนวนนี้มีเด็กและผู้หญิงรวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้ที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ระบุว่า มีบางคนถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง
ทำให้หน่วยงานพลเรือนของอิสราเอล ต้องจัดทำโครงการเพื่อช่วยรักษาตัวประกันที่รอดชีวิตแต่ถูกทารุณกรรมทางเพศ และหารือแนวทางการยุติการตั้งครรภ์ในสตรี ตลอดจนเยียวยาทางด้านจิตใจของเหยื่อ
เบื้องต้นโรงพยาบาล Wolfson ในเมือง Holon ได้เตรียมโครงสร้างพื้นฐานและกำหนดระเบียบปฏิบัติในการรักษา เหล่าตัวประกันที่ถูกปล่อยตัวแล้ว โดยแพทย์จะตรวจอาการบาดเจ็บของเหยื่อแต่ละราย และหากพบว่ามีการตั้งครรภ์ก็จะประเมินพัฒนาการของทารก พร้อมกับช่วยรักษาสภาพจิตใจของผู้เป็นแม่
จากนั้นทีมแพทย์จะหารือว่า เหยื่อรายไหนต้องยุติการตั้งครรภ์บ้าง โดยพิจารณาจากความปลอดภัยของมารดาเป็นหลัก แต่ในกรณีที่เหยื่ออยากเก็บลูกไว้ ทางรัฐบาลจะให้การช่วยเหลือเป็นเงิน ตลอดจนการสนับสนุนทางกฎหมาย และการดูแลสุขภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ หนึ่งในอดีตตัวประกันที่ได้รับการปล่อยตัววัย 49 ปี ได้เล่าในรัฐสภาว่า ตลอดระยะเวลา 50 วันที่ถูกจับกุมตัวไว้ เธอพบว่ามีหญิงสาวหลายคนที่ประจำเดือนไม่มา พร้อมกล่าวว่า
“มีสาว ๆ หลายคน ประจำเดือนไม่มาเป็นเวลานาน พวกเราทุกคนอาจต้องช่วยกันอธิษฐาน ขอให้ร่างกายของพวกเขาแข็งแรง และขอให้พวกเขาไม่ตั้งท้องจากการถูกข่มขืน”