เมืองในสวีเดนผุดไอเดีย ต่อสู้กับความเหงา ให้ประชาชนทักทายกันทุกวัน
ลูเลีย เมืองในสวีเดนผุดไอเดีย ต่อสู้กับความเหงา ให้ประชาชนทักทายกันทุกวัน มุ่งเน้นสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและปลอดภัย
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน สำนักข่าว เดอะการ์เดียน ได้รายงานเรื่องราวของเมืองลูเลีย เมืองทางตอนบนของประเทศสวีเดนที่ออกแคมเปญกระตุ้นให้ประชาชนทักทายกัน เพื่อเป็นการต่อสู้กับความเหงา หลังจากผลสำรวจพบว่าประชากรร้อยละ 45 ต่อสู้กับปัญหาดังกล่าว
“มันเป็นสิ่งที่ดีที่ทุกคนได้ทักทายกัน นั่นหมายความว่าคนที่ได้เจอกัน และอาจจะไม่รู้จักมาก่อน จะได้มีความสุขขึ้น” ผู้คิดค้นการรณรงค์ดังกล่าวให้สัมภาษณ์
โดยแคมเปญ “Säg hej” หรือถ้าแปลเป็นไทยว่า กล่าวสวัสดี นั้นมุ่งเน้นจะสร้างเมืองที่มีความเป็นมิตรมากขึ้นด้วยการสร้างปฏิสัมพันธ์เล็กน้อย โดยโฆษณาแคมเปญนี้ถูกติดทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นบนรถบัส ที่ทำงาน หรือแม้แต่โรงเรียน
ซึ่งผลวิจัยภายในเมืองลูเลียระบุว่าประชากรในช่วง 16-29 ปี ร้อยละ นั้นเผชิญกับความเหงา ขณะที่ประชากรที่อายุมากกว่า 85 ปี นั้นตัวเลขนั้นน้อยกว่า
ทางการลูเลียกล่าวอีกด้วยว่า การถูกทักทายโดยคนแปลกหน้านั้น ทำให้รู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของเมือง พร้อมระบุด้วยว่าจากผลวิจัยพบว่าการทักทายผู้อื่นมีผลต่อสุขภาพและทำให้คนอื่นอยากจะช่วยเหลือเรา ยกตัวอย่างเช่นเพื่อนบ้านที่เราทักทายทุกวัน มีโอกาสที่จะยื่นมือช่วยเหลือมากกว่า ซึ่งทางการเมืองลูเลียตั้งเป้าว่าอยากให้เมืองเติบโตในฐานะเมืองที่น่าอยู่ ปลอดภัย และเป็นมิตร
นาย โมห์เซน ฮาชเฮมิ นักศึกษาวัย 25 ปีกล่าวว่า สถานการณ์เลวร้ายลงหลังโควิดระบาด ผู้คนกลัวที่จะสัมผัสกับผู้อื่น และทำให้ประชาชนรู้สึกแปลกแยกมากขึ้น พร้อมระบุว่าคำทักทายคำเดียวอาจจะทำให้วันของผู้อื่นดีขึ้นได้
ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ประกาศว่าความเหงา เป็นภัยคุกคามทางสาธารณสุขของโลก พร้อมระบุด้วยว่าภัยความเหงานั้นไม่ใช่ภัยที่กระทบชาติเดียว และเป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่ประเมินค่าต่ำเกินไป ซึ่งทาง WHO ระบุว่าผลจากความเหงานั้นอาจจะรุนแรงเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน
WHO ยังอธิบายด้วยว่า เยาวชนที่ประสบกับความเหงามีโอกาสจะลาออกจากมหาวิทยาลัยเยอะกว่า และส่งผลให้เศรษฐกิจย่ำแย่ หรืออาจจะส่งผลให้ประชาชนคนดังกล่าวทำงานไม่มีประสิทธิภาพ