นักวิทยาศาสตร์ของสหภาพยุโรปเผย ปี 2566 ถูกคาดว่าจะสามารถครองสถิติเป็นปีที่อากาศร้อนที่สุดในรอบ 125,000 ปี
วันนี้ (8 พฤศจิกายน 2566) สำนักข่าวเดอะสเตรตส์ไทมส์ (straitstimes) รายงานว่า สำนักบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสแห่งสหภาพยุโรป (ซี3เอส) ระบุว่า ขณะนี้การคาดการณ์แทบจะเป็นจริงร้อยเปอร์เซนต์แล้วว่า ปี 2023 จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดในรอบ 125,000 ปี อ้างอิงจากข้อมูลการบันทึกอุณหภูมิที่ระบุไว้ว่า เดือนตุลาคมที่ผ่านมาเป็นเดือนตุลาคมที่ร้อนที่สุด ซึ่งได้ทำลายสถิติเดิมของปี 2019 ถึง 0.4 องศาเซลเซียส
ความร้อนในที่ปกคลุมเดือนตุลาคมปีนี้เป็นผลมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ ประกอบกับการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้อุณหภูมิของพื้นผิวน้ำในบริเวณตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกสูงขึ้น โดยอุณหภูมิอากาศพื้นผิวเฉลี่ยทั่วโลกในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 1.7 องศาเซลเซียส นับว่าสูงกว่าเดือนเดียวกันในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม ปี 1850 – 1900 ทั้งยังสามารถทำลายสถิติเดิมคของปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญเช่นกัน
ดร.เบอร์เกสได้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า “เมื่อเรานำข้อมูลของเราซึ่งมีการบันทึกตั้งแต่ปี 1940 มารวมกับข้อมูลของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) จึงสามารถบอกได้ว่าปี 2023 คือปีที่ร้อนที่สุดในรอบ 125,000 ปี”
ไม่เพียงเท่านั้น ผลกระทบที่รุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังส่งผลให้ภัยธรรมชาติทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์น้ำท่วมที่คร่าชีวิตผู้คนหลายพันคนในลิเบีย ภาวะคลื่นความร้อนรุนแรงในอเมริกาใต้ และเหตุการณ์ฤดูไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคนาดา
ดร.เพียรส์ ฟอสเตอร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยลีดส์ ประเทศอังกฤษ ยังกล่าวอีกด้วยว่า “เราต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์น้ำท่วม ไฟป่า พายุ และคลื่นความร้อนที่รุนแรงในปีนี้กลายเป็นความปกติใหม่ หากทุกคนสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในช่วงทศวรรษหน้า พวกเราก็จะสามารถลดอัตราการเพิ่มสูงขึ้นของอุณหภูมิลงครึ่งหนึ่ง”
แม้จะตั้งความหวังไว้เช่นนั้น แต่ขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกก็ยังไม่สามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งในปี 2022 ทั่วโลกได้ทำลายสถิติการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นที่เรียบร้อย
ข้อมูลจาก straitstimes
