‘เศรษฐา’ ชี้ คนไทยถูกจับตัวเป็นประกัน เป็นเหยื่อสงคราม ไม่ใช่เป้าหมายฮามาส
เศรษฐา ชี้ คนไทยถูกจับตัวเป็นประกัน เป็นเหยื่อสงคราม ไม่ใช่เป้าหมายฮามาส เนื่องจากมีแรงงานคนไทยไปทำงานมากกว่าชาติอื่น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือน สปป.ลาวอย่างเป็นทางการถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกองกำลังฮามาสว่า ยืนยันว่ามีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มอีก 3 คน ส่วนการเจรจาช่วยเหลือตัวประกันทุกฝ่ายก็ยังทำงานอยู่ และขณะนี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) ก็ยังทำหน้าที่อยู่ที่มาเลเซีย
ตอนนี้การเดินทางในอิสราเอลก็เริ่มลำบากขึ้น หลังมีปฏิบัติการภาคพื้นดิน จึงขอให้ทุกคนเร่งตัดสินใจ ขณะที่ภาครัฐต้องทำงานด้วยความละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น เพราะการลำเลียงคนมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะต้องมีการคุยกันในเชิงลึก มีรายละเอียดเยอะมาก
ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯว่า คนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มขึ้นนั้น ถือว่าคนไทยตกเป็นเป้าของกลุ่มฮามาสหรือไม่ ในประเด็นนี้ นาย เศรษฐา ระบุว่า อย่าพูดแบบนั้น ว่าคนไทยตกเป็นเป้าของฮามาส เพราะเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง เราไม่ได้เป็นเป้าพิเศษของกลุ่มใด แต่เราเป็นเหยื่อของสงครามมากกว่า อีกทั้งแรงงานไทยในอิสราเอลมีจำนวนมากกว่าประเทศอื่นๆ จึงทำให้เรามีได้รับผลกระทบมาก ตนจึงย้ำว่าขอให้คนไทยเร่งเดินทางกลับประเทศ เพราะหลังจากนี้จะมีความยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงสายวันนี้จะพูดคุยกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ เพื่ออัพเดทสถานการณ์ และอาจต้องเดินทางไปเจรจาให้มากขึ้น
ส่วนจำนวนคนไทยที่ยังเหลืออยู่ในพื้นที่ฉนวนกาซา นายกฯ ยอมรับว่ายังมีคนที่สูญหายอยู่บ้างและกำลังประเมินสถานการณ์ แต่ช่วงที่มีปฏิบัติการภาคพื้นดิน การสื่อสารก็ถูกตัดขาดหมด ทำให้มีความยากลำบาก
ส่วนกรณีจะมีรัฐมนตรีเดินทางไปเจรจา แนวทางหลักคือทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน ส่งกลับบ้านให้เร็วที่สุด ถือเป็นเป้าหมายหลักที่สำคัญที่สุด ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศต่างให้ความช่วยเหลือและหวังดีกับเรา เราต้องเข้าให้ถูกจุด เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเรื่องการเจรจา ทำให้บางอย่างตนไม่สามารถพูดได้ชัดเจน เพราะเวลาไปต่อรองหากไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ตนเข้าใจว่าทุกคนอยากทราบข่าว แต่ยืนยันว่ารัฐบาลทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก และย้ำว่าขอให้ทุกคนเร่งตัดสินใจกลับในช่วงที่ยังกลับได้