รถของกลางหาย ที่แท้ฝีมือตำรวจ เอาไปแยกชิ้นส่วนขายให้อู่
จากกรณีที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า รถของกลางหาย ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่าที่แท้เป็นฝีมือตำรวจ เอาไปแยกชิ้นส่วนขายให้อู่ สั่งออกจากราชการแล้ว
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า รถของกลาง จำนวน 2 คัน ได้หายไปจากจุดเก็บรถของกลาง บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว หลังจากรถของกลางประสบอุบัติเหตุ เสียหลักพุ่งชนเสาข้างทาง จนรถพังเสียหายขับต่อไปไม่ได้ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด พ.ต.อ.เอกอนันต์ หูแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากพบว่า รถของกลางได้หายไป ทีมสืบสวนได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และพบข้อมูลจากพยานแวดล้อมใกล้จุดเกิดเหตุ พบว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 9 โมงเช้า วันที่ 3 ต.ค.66 มีรถกระบะคันหนึ่ง วิ่งเข้าไปยกรถของกลาง ออกไปทางด้านหลังโรงพัก โดยพบว่า มุ่งหน้าไปตามถนนสุวรรณศร ทางหลวงหมายเลข 33 ตำรวจทีมสืบสวนพบว่า รถคันดังกล่าวมุ่งหน้าไปทางจังหวัดปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา ผ่านด่านตรวจกรอกสมบูรณ์
ก่อนจะตรวจสอบข้อมูลจากทะเบียนรถ พบว่า เป็นรถของนายนพดล อายุ 56 ปี ชาวระยอง ซึ่งตำรวจได้ติดตามไปจับกุมตัวนายนพดล ได้ในบ้านพักที่มีการดัดแปลงเป็นอู่แยกชิ้นส่วนรถ โดยนายนพดล รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งยอมรับว่า สิบตำรวจเอกวีรยุทธ เป็นคนติดต่อให้มาลากซากรถไป และยังได้แสดงสลิปการซื้อขาย ซากรถกระบะเชฟโรเลต ในราคา 30,000 บาท กับ สิบตำรวจเอกวีรยุทธ เสมียนคดีที่รับผิดชอบดูแลของกลางภายในโรงพักเมืองสระแก้ว ซึ่งขณะนี้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะกระทำผิด รับของโจร
ส่วนการติดตามรถกระบะเชฟโรเลต นางสาวอารียา ที่เป็นข่าวครึกโครม อีกคันหนึ่งที่หายไป ทางตำรวจชุดติดตามคดีนี้ ค่อนข้างจะมั่นใจว่า ผู้ต้องหาต้องเป็นคนเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึง ขณะนี้ ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนฐานความผิดของตำรวจนายนี้ ให้ออกจากราชการทันที และถูกควบคุมตัวพร้อมกับนายนพดล ส่งฝากขังศาลจังหวัดสระแก้วไปแล้วเมื่อช่วงสายวันนี้
ขณะเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ยังได้ให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเจ้าหน้าที่และความบกพร่องในครั้งนี้ หากพบว่า เป็นความบกพร่องของนายตำรวจระดับใด จะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาด