เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมชายที่อ้างตัวว่าเป็น รอง ผบ. เรือนจำ หลอกตุ๋นเงินญาติตำรวจ ผู้ต้องหาคดี ‘กำนันนก’ อ้างค่าใช้จ่ายในเรือนจำ
พ.ต.ท.ปรัชญา กัมลาศพิทักษ์ สวญ.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. สั่งการให้ ร.ต.อ.จรัญ ทองอินทร์ รอง สว.ส.ทล.2 กก.8 บก. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าทำการจับกุม นายกิตติเมธี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี บริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ต.ป่าตาล อ.เมือง จ.ลพบุรี
โดยนายกิตติเมธีเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.501/2566 ลงวันที่ 25 ก.ย.2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือ ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
สืบเนื่องจากที่นายกิตติเมธีอ้างตัวว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนครปฐม ระดับรองผู้บัญชาการเรือนจำ และได้ติดต่อกับญาติตำรวจ 6 นาย ผู้ต้องหาคดีกำนันนก เพื่อเรียกเงินคนละ 7,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าแรกเข้า ค่าอาหาร ตลอดจนเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัวภายในเรือนจำ
ซึ่งญาติผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย หลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปคนละ 7,000 บาท รวมเป็นเงิน 42,000 บาท จนกระทั่งทราบว่าถูกหลอก เนื่องจากสุดท้ายแล้วผู้ต้องหาไม่ได้มีการไปควบคุมที่เรือนจำจังหวัดนครปฐมแต่อย่างใด และไม่สามารถติดต่อไปยังหมายเลขของคนร้ายได้อีก จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อขอให้ช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 ถึงปัจจุบัน พบว่าเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เช่น ฉ้อโกง ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ลักทรัพย์ มากกว่า 30 คดี ส่วนมากเป็นในเขตพื้นที่ภาคกลาง ได้แก่ จ.ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี สุพรรณบุรี เพชรบูรณ์ ฯลฯ หลังจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ ในช่วงกลางวันของวันที่ 26 ก.ย.2566 บก.สส.ภ.1 ได้จับกุมตัว นางทัศนัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.501/2566 ลงวันที่ 25 ก.ย.2566 ในข้อหาเดียวกันกับนายกิตติเมธี โดยนางทัศนัย เป็นเจ้าของบัญชีม้าที่ญาติตำรวจได้โอนเงินเข้าไป
ส่วนนายกิตติเมธี เป็นคนโทรหาญาติและทำการหลอกลวงจนญาติตำรวจหลงเชื่อ โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง และตำรวจภูธรภาค 7 อยู่ระหว่างการขยายผลเพราะเชื่อว่าอาจจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวเพิ่มเติมอีก
