คาเฟ่แมว ชี้แจงแล้ว หลังลูกค้าเจอ ‘แมวป่วย’ ขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คาเฟ่แมว Catsmile Cafe ออกโรงชี้แจง หลังลูกค้าเจอแมวป่วย ขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันทำการรักษามาตลอดไม่ได้นิ่งเฉย
จากกรณีกระแสดราม่าหลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งไปเที่ยวคาเฟ่แมว และเจอแมวป่วย พอทักแจ้งร้านไปก็เจอตอบกลับมาว่า “จับแยกจากตัวอื่นไม่ได้ เพราะถ้าแยก คือต้องปิดร้าน” สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตโดยเฉพาะกลุ่มคนรักแมวเป็นอย่างมากตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก Catsmile_Cafe คาเฟ่แมวดังกล่าวได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ โดยได้ขอโทษที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าได้นำน้องแมวตัวดังกล่าวรักษามาตลอด โดยระบุว่า “ก่อนอื่นเลยทางร้านต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ทางร้านได้รับรู้ถึงเรื่องที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้และได้รีบดำเนินการแก้ไขแล้ว ทางร้านไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด
ทางร้านเองก็มีความกังวลใจในเรื่องของสุขภาพน้องแมวเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าน้องมี ปัญหาหรือไม่สบายทางร้านได้รีบพาน้องไปหาหมอและเข้ารับการรักษาโดยทันที ทางร้านรักษา มาตลอดไม่ใช่ฟังมารักษาเฉพาะตอนเกิดเรื่องขึ้นและไม่ได้ปล่อยปะละเลยแต่อย่างไดดอน แรกๆทางร้านได้มีการจับน้องแมวที่ป่วยแยกออกมาขังกรงกักบริเวณ ให้อยู่โซนของห้องน้อง แมว แต่เนื่องจากตอนกลางวันอากาศค่อนข้างร้อนและน้องไม่เคยถูกเลี้ยงดูมาแบบกักขัง น้องๆ จึงส่งเสียงร้องและพยายามตะกุยตะกายออกมาจากกรง ประกอบกับน้องๆซินกับการอยู่ในโซน ของคาเฟ่ไปแล้ว ทางเราเห็นแล้วไม่สบายใจเลยปล่อยให้น้องๆออกมา ทางร้านต้องขอโทษใน ส่วนนี้ด้วยนะคะ
ทางร้านไม่ได้เห็นน้องเป็นแค่เครื่องมือในการหากินเท่านั้น น้องๆเปรียบเสมือนคนใน ครอบครัว ทางเจ้าของร้านเองก็เป็นทาสแมวที่รักแมวเหมือนกับทาสคนอื่นๆ แมวทุกตัวที่ร้านก็ เป็นแมวที่ทางเจ้าของร้านเองเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ
แนวทางการแก้ไขเพื่อให้น้องแมวมีสุขภาพที่ดีขึ้นทางร้านใต้แยกน้องที่ไม่สบายไปดูแล ที่บ้านเรียบร้อย พี่ๆทาสแมวสบายใจได้เลยค่ะ และต้องขอโทษในเรื่องของความผิดพลาดใน การสื่อสารด้วยนะคะ ทางร้านจะรีบแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างให้ดีขึ้นค่ะ
หากใครต้องการแสดงความคิดเห็นสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ใต้โพสต์นี้ได้เลย นะคะ แต่ขอความร่วมมือคอมเม้นอย่างสุภาพ ไม่ใช้ถ้อยคําด่าทอหรือต่อว่าที่ไม่เหมาะสมด้วยค่ะ
ในอนาคตทางร้านหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทาสแมวจะยังคงเปิดใจและให้โอกาสกับทางร้าน แวะมาหาน้องๆได้นะคะ ขอบคุณและขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ”