เปิดประวัติ “พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร” อดีตมือปราบยาเสพติดของเมืองไทย
เปิดประวัติ “พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร” อดีตมือปราบยาเสพติดของเมืองไทย เจ้าของฉายา มือปราบขุนดง ผู้ยืนหยัดสู้กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
หากเปิดแฟ้มคดฆาตกรรม หรือคดีปราบปรามยาเสพติดของประเทศไทย ชื่อของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ สำหรับ พลตำรวจโทเรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าของฉายา มือปราบขุนดง และ มือปราบศยามล คดีฆาตกรรมสุดโหดเหี้ยม
พล.ต.ท.เรวัช ไขคดีมากมายตั้งแต่เบนสายมารับราชการตำรวจ อีกทั้งวีรกรรมที่กล้าสู้ กล้าประหน้ากับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ของเขา ทำให้ชื่อเสียงยิ่งกระฉ่อนลือชายิ่งขึ้นไปอีก วันนี้ทีมงาน Thaiger ขอพาทุกท่านมาเปิดประวัติ ท่านเรวัช ผู้นี้คือใคร มีประวัติการทำงานในเส้นทางตำรวจอย่างไรบ้าง
ประวัติ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร มือปราบศยามล
พลตำรวจโทเรวัช กลิ่นเกษร หรือ ท่านเรวัช อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าของฉายา “มือปราบขุนดง” หรือ “มือปราบศยามล” มือปราบที่เด็ดขาดกับการจัดการคนร้ายมานับไม่ถ้วน เดิม พล.ต.ท.เรวัช เป็นชาวอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์
ครอบครัวของ พล.ต.ท.เรวัช ประกอบธุรกิจโรงสี แต่ชีวิตทายาทเจ้าของโรงสีต้องผลิกผัน เมื่อศึกษาอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตาของ พล.ต.ท.เรวัช ถูกกลุ่มโจรบุกปล้นและฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ทำให้ต้องไปเป็นพยานในการตามจับคนร้าย เป็นเหตุให้ พล.ต.ท.เรวัช ถูกดักฆ่า เนื่องจากคนร้ายไม่พอใจ จนต้องพกปืนขนาด .38 และอยู่ในความดูแลของตำรวจ
พล.ต.ท.เรวัช เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และจบการศึกษาระดับปริญญาโทที่สาขาอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล
แม้จะเคยดำรงตำแหน่ง ผบช.ปส. แต่ช่วงชีวิตวัยรุ่นของ พล.ต.ท.เรวัช ถือว่าโชกโชนเลยทีเดียว เพราะเคยก่อคดีมากมาย อาทิ โดนไล่ยิง เคยแทงคนเสียชีวิต แต่ก็เลือกที่จะเดินเส้นทางรับราชการ เริ่มจากการสมัครสอบเป็นเสมียนที่จังหวัดชัยนาท จากนั้นจึงรับตำแหน่งปลัดอำเภอ ก่อนที่ชีวิตจะเบนเข็มทิศมาทางสายตำรวจ ในช่วงผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ออกอาละวาด
เส้นทางการรับราชการตำรวจเริ่มเข้มข้นขึ้น ภายหลังจาก พล.ต.ท.เรวัช ติดยศร้อนตำรวจเอก (ร.ต.อ.) และขอย้ายไปประจำที่โรงพักชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ในตอนนั้นพื้นที่ดังกล่าวได้รับสมญานามว่าเป็น ดงโจร เพราะมีโจรเรียกค่าไถ่และปล้นจี้เป็นจำนวนมาก
ภายหลังจากย้ายไปโรงพักที่จังหวัดลพบุรี พล.ต.ท.เรวัช ไปยิงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รายหนึ่ง เป็นเหตุให้เขาต้องถูกสั่งย้าย และถูกสั่งห้ามเข้าพื้นที่จังหวัดลพบุรีกับสระบุรี ในเวลาต่อมาเขาถูกตั้งเป็นหัวหน้าชุดขุนดง ซึ่งเป็นที่มาของฉายา “มือปราบขุนดง” ของ พล.ต.ท.เรวัช นั่นเอง
ต่อมาเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้น จากคดีฆาตกรรม “ศยามล” ในตอนนั้น พล.ต.ท.เรวัช รับหน้าที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บพยายานหลักฐานโดยการเก็บดีเอ็นเอ (DNA) จากน้ำอสุจิ ซึ่งในตอนนั้นไม่มีใครทำเช่นนี้ ปรากฏว่าสามารถตรวจเปรียบเทียบลายนิ้วมือได้ตรงกับ ส.ต.อ.แผ่ว ภูเต็ง ถึง 13 จุด ตำรวจจึงใช้ดีเอ็นเอเป็นหลักฐานจับกุมผู้ต้องหา อีกทั้งเขายังสามารถสืบสวนจนแกะรอยจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด รวมถึงหมอบัณฑิต ผู้จ้างวานอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ประวัติการรับราชการที่แสดงถึงความฉลาดในฐานะตำรวจแล้ว พล.ต.ท.เรวัช ยังมีผลงานอีกมากมาย อีกทั้งยังกล้าปะทะกับผู้มีอิทธิพลเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเจ้าพ่อในพื้นที่ หรือมือปืนทั้งหลาย ในภายหลังเขาได้ติดยศเป็นนายพล ขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี แล้วย้ายไปเป็นผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจ ก่อนดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเกษียณอายุราชาการไปเมื่อ พ.ศ. 2559
นอกเหนือจากเส้นทางตำรวจ พล.ต.ท.เรวัช ยังเชื่อเรื่องคาถาอาคม และพระเครื่องเช่นกัน เขาได้เคยเปิดเผยคาถาไสยเวทส่วนตัวที่บิดาของ พล.ต.ท.เรวัช ได้สอนไว้ให้ โดยสวดว่า “นะอุด โมอัด พุทยัติ ธายัน ยะกันเข้าไว้ แคล้วคลาดปลอดภัย นะโมพุทธายะ พระสยามปกเกล้า”
พล.ต.ท.เรวัช ยังพกรูปพ่อแม่ และเหรียญในหลวง เหรียญนั่งบัลลังก์ปี 39 ที่ทางกระทรวงมหาดไทยจัดสร้าง ฉลองครองราชย์ 50 ปี ทั้งยังใช้มีดพกประจำตัวคือ มีดหมอ จาก 2 เกจิอาจารย์ ไก้แก่ มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และมีดหมอหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว โดยเขาพกไว้เป็นเครื่องรางตลอดการปฏิบัติหน้าที่รับราชการตำรวจจนเกษียณอายุ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ได้กลับเข้ามารับราชการดูแลองค์กรตำรวจอีกครั้ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 และทั้งหมดนี้เป็นผลงานระหว่างการรับราชการตำรวจของมือปราบศยามลท่านนี้ค่ะ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง